16 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 17:24 น. 19
ทุกคนต่างปรารถนาสุขภาพที่ดี แต่ในชีวิตประจำวันกลับเต็มไปด้วยข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ซึ่งบางครั้งก็ไม่ถูกต้อง หากนำวิธีที่ผิดไปใช้ อาจไม่เพียงแต่ไม่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายในด้านสุขภาพ แต่ยังอาจส่งผลกระทบในทางลบอีกด้วย ถึงแม้ว่าแนวทางบางอย่างจะไม่ถึงขั้นมีอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าทำผิดวิธี อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน รายงานจาก Eating Well ระบุว่า นางสาวเมลิสซา (Melissa Mitri) นักโภชนาการ เคยชี้ให้เห็นถึง 8 วิธีที่ดูเหมือนจะดีต่อสุขภาพ แต่กลับอาจทำให้ร่างกายเสียหายได้จริงๆ
1. ไม่ทานคาร์โบไฮเดรต
ในขณะนี้ การทานอาหารแบบดื่มคาร์โบไฮเดรตต่ำ เช่น คีโต (Ketogenic diet) กลายเป็นที่นิยม แต่วิธีการจำกัดสารอาหารอย่างรุนแรงอาจนำไปสู่การขาดสารอาหารได้ นางสาวเมลิสซาแนะนำว่า แทนที่จะเลิกทานคาร์โบไฮเดรตทั้งหมด ควรเลือกทานธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่ว และผักแทนข้าวขัดสี ที่สำคัญ คาร์โบไฮเดรตยังเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับสมองและกล้ามเนื้อ หากหลีกเลี่ยงมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการวิตกกังวล ขาดสมาธิและความอ่อนล้าในระหว่างการทำกิจกรรมต่างๆ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลให้เกิดปัญหาอาหารไม่เป็นระเบียบและความเครียดเหนือสิ่งอื่นใด ทำให้รักษาสุขภาพการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ได้ยากขึ้น
2. ออกกำลังมากเกินไป
ตามคำแนะนำจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ผู้ใหญ่ควรออกกำลังกายโดยมีความเข้มข้นปานกลาง 150 ถึง 300 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 50 ถึง 75 นาทีสำหรับการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูง แต่หากมีการออกกำลังกายที่รุนแรงเกินไป อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ หรือเกิดความคิดในการล้มเลิกที่จะออกกำลังกายได้ นางสาวเมลิสซาแนะนำว่า ควรมีการพักผ่อนอย่างเหมาะสมระหว่างการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. หลีกเลี่ยงกลูเตน
สำหรับผู้ที่ไม่เป็นโรคแพ้กลูเตนหรือโรคลำไส้ผิวหนังอักเสบ (Celiac disease) ควรพิจารณาการหลีกเลี่ยงสารอาหารกลูเตนอย่างรอบคอบ นางสาวเมลิสซาแจ้งว่า ธัญพืชที่มีกลูเตน เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวไรย์ให้วิตามินสำคัญและเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคอ้วน และโรคหัวใจ หากรับประทานธัญพืชเต็มเมล็ด 2-3 หน่วยต่อวันจะมีประโยชน์มาก
4. การอดอาหารแบบไม่ต่อเนื่อง
ปัจจุบัน การอดอาหารแบบไม่ต่อเนื่องกลายเป็นที่นิยมในโซเชียลมีเดีย โดยมีผู้มีชื่อเสียงมาแชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักท่ามกลางความนิยมนี้ แม้ว่าจะมีการศึกษาชี้ว่า การอดอาหารแบบไม่ต่อเนื่องอาจช่วยในการควบคุมน้ำหนักและลดคอเลสเตอรอล แต่ไม่ใช่วิธีที่ง่ายและเหมาะกับทุกคน หากไม่ทานอาหารเช้า อาจทำให้พลังงานต่ำลงและเพิ่มความอยากทานอาหารตลอดทั้งวัน นางสาวเมลิสซาแนะนำให้ปรึกษานักโภชนาการมืออาชีพเพื่อพิจารณาว่าตนเองมีความเหมาะสมกับวิธีการอดอาหารหรือไม่
5. การทานอาหารมังสวิรัติอย่างเคร่งครัด
การรับประทานอาหารมังสวิรัติสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพได้ แต่การรับประทานเฉพาะอาหารสดหรือดื่มน้ำผลไม้โดยไม่คำนึงถึงมลพิษทางน้ำตาลและโซเดียมอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง ในทางกลับกันการใช้มังสวิรัติเพียงอย่างเดียวโดยไม่วางแผนการรับประทานอาหารอย่างเพียงพออาจทำให้ขาดแคลนวิตามิน B12 สังกะสี และแคลเซียม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มีตารางเวลายุ่ง
6. การดื่มน้ำมากเกินไป
การดื่มน้ำอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพ แต่การดื่มน้ำมากเกินไปอาจนำไปสู่ภาวะโซเดียมต่ำในเลือด (Hyponatremia) การดื่มน้ำแปดแก้วต่อวันนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นมาตรฐานที่ถูกต้องสำหรับทุกคน นางสาวเมลิสซาแนะนำว่า ควรดื่มน้ำเมื่อมีอาการกระหาย และสามารถสังเกตสีของปัสสาวะเพื่อดูระดับน้ำได้ ถ้าปัสสาวะมีสีเหลืองอ่อนแสดงว่าเพียงพอ ถ้าใสแสดงว่าดื่มมากเกินไป และถ้ามีสีเหลืองเข้มให้ดื่มน้ำมากขึ้น นอกจากนี้ ยังควรบริโภคอาหารที่มีน้ำมากๆ เพื่อนำมาซึ่งแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพ
7. การหลีกเลี่ยงแสงแดด
การป้องกันแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญ แต่การหลีกเลี่ยงแสงแดดทั้งหมดอาจทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามิน D ได้เพียงพอ ซึ่งวิตามิน D Vital เสริมความแข็งแรงของกระดูกและระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งช่วยป้องกันโรคเรื้อรัง นักวิจัยแนะนำให้ใช้เวลาออกแดดในช่วงเวลาที่เหมาะสม ประมาณ 10-30 นาทีในทุกสัปดาห์เพื่อให้ร่างกายสร้างวิตามิน D ได้
8. การนอนหลับมากเกินไป
การนอนหลับมากเกิน 9 ชั่วโมงอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพซึ่งเกิดจากอาการวิตกกังวล นางสาวเมลิสซาแนะนำให้รักษาเวลาในการนอนให้สม่ำเสมอ หากยังรู้สึกอ่อนเพลียแม้นอนเกิน 9 ชั่วโมง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อสำรวจว่าตนเองมีอาการซึมเศร้า โรคการหยุดหายใจขณะหลับ หรือโรคไทรอยด์ต่ำหรือไม่
ผู้ดูแลเนื้อหา: ฉี หย่วน
[ref: Eating Well]