ทีมงานจากกระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีนตรวจสอบชายแดนไทย เพื่อช่วยเหลือเหยื่อถูกโกงออนไลน์ 160 คน

30 มกราคม 2568 เวลา 19:08 น.    1052

เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา นายหลิวจงอี้ (Liu Zhongyi) ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงประชาชนของประเทศจีน พร้อมคณะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานแม่สะเรียง จังหวัดตาก โดยได้รับการต้อนรับจากพลตำรวจตรีทรงลิต ตรีรัตน์ ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดตาก และนายสมวานี รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รวมถึงตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยทางฝ่ายไทยได้จัดเตรียมให้คณะได้ตรวจสอบศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่สนามบิน ซึ่งมุ่งเน้นการตรวจสอบมาตรการด้านความปลอดภัย รวมถึงการคัดกรองนักท่องเที่ยวและการรณรงค์ป้องกันการฉ้อโกง ซึ่งมีการเตือนผู้เดินทางและชาวต่างชาติให้ระวังอันตรายจากการค้ามนุษย์ เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงไปทำงานในตำแหน่ง “เจ้าหน้าที่บริการลูกค้า” ในประเทศเมียนมา

ต่อมา คณะได้เดินทางไปยังชายแดนแม่สะเรียง-เมียนมา โดยมีเจ้าหน้าที่ไทยนำทางเพื่อตรวจสอบพื้นที่ที่สามารถมองเห็น “น้ำขม” และ “KK Park” ซึ่งเป็นจุดที่ถูกกล่าวหาอย่างต่อเนื่องว่าเป็นศูนย์กลางของการฉ้อโกงทางโทรศัพท์และการค้ามนุษย์ นายหลิวจงอี้มีกำหนดการสำคัญในการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการช่วยเหลือเหยื่อชาวจีนจำนวน 160 คนที่ถูกขังอยู่ในเมียนมา รวมถึงการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อการปราบปรามการค้ามนุษย์ร่วมระหว่างจีนและไทย เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายข้ามชาติและทำลายเครือข่ายอาชญากรรมให้สิ้นซาก

การร่วมมือระหว่างจีนและไทยในการบังคับใช้กฎหมายข้ามชาติอย่างเข้มข้นนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสถิติการเกิดอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางโทรศัพท์และการค้ามนุษย์ในภูมิภาคนี้มีแนวโน้มสูงขึ้น จากรายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย ที่ได้มีการจับกุมอาชญากรที่เกี่ยวข้องกับสถิติการฉ้อโกงเมื่อปีที่ผ่านมาเข้าเกือบ 1,000 คดี

ก่อนหน้านี้ นายหลิวจงอี้ได้มีการประชุมกับพลตำรวจตรีได่หรง ผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจเทคโนโลยีและอาชญากรรม โดยได้หารือเกี่ยวกับวิธีการลดปัญหาการฉ้อโกงทางโทรศัพท์และการค้ามนุษย์ พร้อมทั้งได้เสนอแนะความร่วมมือจำนวนหกข้อที่สำคัญ ได้แก่

1. การปราบปรามแก๊งค์การฉ้อโกงทางโทรศัพท์ในพื้นที่เมียนมาไม่มีการผ่อนผัน;

2. การตามล่าผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมในคดีของคนดังจีนที่ชื่อว่าง หวังซิง (Wang Xing) เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในจีน;

3. การดำเนินการช่วยเหลือเหยื่อจากการฉ้อโกงในเมียนมา;

4. การตัดข่ายการไหลเวียนของคนและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการฉ้อโกง;

5. การเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายระหว่างจีนและไทย โดยการจัดตั้งศูนย์สอบสวนข้ามชาติ;

6. การเพิ่มประสิทธิภาพในการจับกุมผู้ต้องสงสัยภายในประเทศไทย

นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจเทคโนโลยีและอาชญากรรมของไทยยังได้เสนอแนะความร่วมมือเพิ่มเติมสี่ข้อเพื่อยกระดับการทำงานร่วมกัน ได้แก่

1. การจัดตั้งกลุ่มเฉพาะกิจระหว่างสำนักงานตำรวจเทคโนโลยีและอาชญากรรมของไทยกับกระทรวงความมั่นคงประชาชนของจีน;

2. การมุ่งเน้นไปที่การปราบปรามองค์กรอาชญากรรมที่ข้ามชาติ โดยเฉพาะกลุ่มผู้นำจากจีนและผู้บริหารจากไทย;

3. การเสริมสร้างการควบคุมการไหลของเงินทุนของกลุ่มการฉ้อโกง โดยให้ความสำคัญกับการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล;

4. การจัดการประชุมระดับภูมิภาคเพื่อการป้องกันการฉ้อโกงทางโทรศัพท์โดยจีนเป็นเจ้าภาพ และเชิญชวนประเทศไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชาร่วมเข้าร่วม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในอนาคต

การประชุมดังกล่าวเป็นการสร้างพื้นฐานที่มีความใกล้ชิดและแน่นแฟ้นระหว่างจีนและไทยสำหรับการบังคับใช้กฎหมายข้ามชาติ โดยคาดว่าจะมีการพัฒนากลยุทธ์การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรศัพท์และการค้ามนุษย์อย่างเบ็ดเสร็จ

(แหล่งที่มา: Thairath)