ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยพุ่งเกิน 90,000 ราย ภายในเวลาน้อยกว่า 20 วัน

17 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 20:24 น.    25

ข่าวจากสำนักข่าวไทยเฮดไลน์ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย นายสongsak ได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ โดยระบุว่าช่วงระหว่างวันที่ 1 ถึง 25 มกราคม 2025 ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพียง 7,819 ราย แต่หลังจากนั้นยอดผู้ติดเชื้อกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับมีการรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 91,238 ราย ส่งผลให้ตั้งแต่เริ่มปี 2025 ประเทศไทยมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สะสมรวมถึง 99,057 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 ราย เทียบกับปี 2024 จำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในปีนี้สูงขึ้นอย่างมาก และเกินกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงห้าปีที่ผ่านมา

ปัจจุบัน การระบาดของไข้หวัดใหญ่เกิดขึ้นใน 15 กลุ่มโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานศึกษา ซึ่งพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายของไข้หวัดใหญ่อย่างหนักได้แก่จังหวัดนครราชสีมา, สุรินทร์, บุรีรัมย์ และชัยภูมิ จนถึงปัจจุบันมีรายงานผู้ป่วยรวม 6,938 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่มีอายุต่ำสุดคือเด็กในวัย 5 ถึง 9 ปี รองลงมาคือเด็กอายุ 4 และ 3 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลุ่มเด็กๆ เป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุดในช่วงเวลานี้

นายสongsak กล่าวถึงบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ซึ่งอาจเกิดอาการรุนแรงได้แก่ ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน รวมถึงหญิงตั้งครรภ์และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เพื่อป้องกันความรุนแรงของโรคและลดอัตราการเสียชีวิต แนะนำให้กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่

กระทรวงสาธารณสุขยังได้เสนอแนวทางการป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 ข้อ ได้แก่ การใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือข้อศอกปิดปากเมื่อไอหรือจาม, การล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ในการฆ่าเชื้อโรค, หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดและมีอากาศถ่ายเทไม่สะดวก และถ้ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่แนะนำให้พักผ่อนอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 3 ถึง 7 วัน หรือตราบใดที่อาการยังไม่ดีขึ้นเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มมีการเร่งรัดการจัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยตั้งเป้าจัดส่งวัคซีน 4.5 ล้านโดสไปยัง 7 กลุ่มเป้าหมาย

นายสongsak ยังย้ำให้ผู้ที่มีอาการไข้หวัดใหญ่แม้ว่าจะไม่รุนแรง ต้องพักอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 3 ถึง 7 วัน หรือจนกว่าจะหายดี โดยในระหว่างนั้น ผู้ป่วยควรสวมหน้ากากอนามัย และเมื่อไอหรือจามควรใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชู่ปิดปาก ปฏิบัติตนโดยการล้างมือบ่อยๆ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ และหากอาการไม่มีการพัฒนาหรือเกิดอาการแย่ลง เช่น หายใจไม่สะดวก หรือรู้สึกง่วงซึม ควรSeek medical attention โดยเร็ว

เพื่อการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ให้มีประสิทธิภาพกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการจัดตั้งแผนการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ใหม่ โดยมีแผนเริ่มการฉีดวัคซีนขนาดใหญ่ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีเป้าหมายจะจัดหาให้จำนวน 4.5 ล้านโดส โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่รับผิดชอบในการแจกจ่ายวัคซีนจะมุ่งเป้าไปยังกลุ่มเสี่ยง 7 ประเภท ซึ่งประกอบด้วย

  1. เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี
  2. ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
  3. ผู้พิการทางสมองที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
  4. ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอดบวมเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตเรื้อรัง ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการรักษา และผู้ป่วยเบาหวาน รวมไปถึงผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมียหรือมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  5. ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม
  6. หญิงตั้งครรภ์ที่ตั้งครรภ์เกิน 4 เดือน
  7. พนักงานทางการแพทย์และสาธารณสุข

นายสongsak สรุปว่ากระทรวงสาธารณสุขจะยึดมั่นในการควบคุมและรับมือโรคไข้หวัดใหญ่ และขอความร่วมมือจากประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยกันลดการแพร่ระบาดของโรคนี้ให้ได้มากที่สุด