ข่าวจากสำนักข่าวไทยเฮดไลน์รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้กล่าวในที่ประชุมเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณประจำปี 2566 ว่า เขาได้ประสบกับกรณีการฉ้อโกงทางโทรศัพท์ในวันเดียวกันนั้นด้วย

พลเอก ประยุทธ์เปิดเผยว่า “ข้อความที่ฉันได้รับนั้นมีความชำนาญมาก มีวิธีการที่แตกต่างจากการหลอกลวงแบบเดิม ๆ โดยผู้โทรได้แอบอ้างเป็นผู้นำต่างชาติคนหนึ่งและอ้างว่าฉันยังไม่ได้ทำการบริจาคเงิน โดยไม่เผยชื่อประเทศเพื่อให้เกียรติ”

นายกรัฐมนตรียังได้บรรยายเพิ่มเติมว่า เธอเกือบจะเชื่อในสิ่งที่ผู้โทรกล่าว เพราะการทักทายผ่านโทรศัพท์ฟังดูเป็นธรรมชาติและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ก่อนที่ผู้โทรจะพูดถึง “คุณยังไม่ได้บริจาค” และส่งลิงก์ซึ่งอ้างว่าเป็นหน้าบริจาคจากประเทศหนึ่ง แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของไทยก็ยืนยันว่าลิงก์ดังกล่าวมาจากต่างประเทศ

พลเอก ประยุทธ์เน้นย้ำว่า การฉ้อโกงทางโทรศัพท์นั้นกำลังมีความซับซ้อนมากขึ้น และใคร ๆ ก็อาจตกเป็นเหยื่อได้ “แม้แต่ฉันเองก็เกือบจะตกหลุมพราง” เธอยังเรียกร้องให้ประชาชนระมัดระวังมากขึ้น และชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับปัญหาการฉ้อโกงดังกล่าวอย่างสูง โดยจะเพิ่มความเข้มงวดในการดำเนินการเพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลและทรัพย์สินของประชาชน

นายกรัฐมนตรีตั้งข้อสงสัยว่าการฉ้อโกงในครั้งนี้อาจเป็นการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อให้เสียงของผู้นำต่างชาติฟังดูสมจริงและมีความคมชัด ซึ่งเสียงของผู้โทรมีความคล้ายคลึงกับเสียงที่เธอเคยได้ยินมาก่อน

พลเอก ประยุทธ์กล่าวว่า “ตอนแรก ผู้โทรได้ติดต่อฉันผ่านข้อความเสียงถามไถ่ความเป็นมา ก่อนที่จะบอกว่าต้องการร่วมมือกัน และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อเพิ่มเติม จนกระทั่งมาโทรหาฉันอีกครั้ง ในขณะที่ฉันกำลังนอนอยู่จึงไม่สามารถตอบได้ หลังจากนั้นฉันก็ได้ส่งข้อความขอโทษและสอบถามเวลาที่จะโทรกลับ ขณะนั้น ผู้โทรได้ส่งข้อความเสียงขอให้บริจาคเงิน โดยอ้างว่าฉันเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่ยังไม่ได้บริจาค ฉันรู้สึกตะลึงและเริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ปกติ และหลังจากนั้นผู้โทรได้ส่งเลขที่บัญชีแบนค์มาให้เพื่อให้ทำการโอนเงิน ซึ่งเมื่อฉันตรวจสอบพบว่าเป็นบัญชีในประเทศอื่น ในที่สุด ฉันจึงแน่ใจว่านี่เป็นการโทรศัพท์หลอกลวง และตัดสินใจรายงานไปยังรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติม เนื่องจากผู้โทรใช้แอปพลิเคชันต่างประเทศแทนที่จะใช้ LINE ทำให้ไม่แน่ใจว่าสามารถติดตามได้หรือไม่”

แหล่งที่มาข่าว: ไทยเฮดไลน์