ข่าวจากสำนักข่าวไทยเฮดไลน์ระบุว่า เมื่อวันที่ 14 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจท่องเที่ยวของไทยได้รับการแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านหมายเลข 1155 โดยมีผู้ชายชาวจีนชื่อ จางซิงตง (ฟังตามเสียง) ติดต่อขอความช่วยเหลือว่าเขาและเพื่อน ๆ ชาวจีนอีกกลุ่มหนึ่งถูกหลอกลวงไปทำงานที่เมืองเมียววดี ประเทศเมียนมาในวันที่ 13 กุมภาพันธ์

หลังจากได้รับการขอความช่วยเหลือ ตำรวจท่องเที่ยวได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและสามารถติดต่อกับผู้แจ้งเหตุได้ ซึ่งผู้แจ้งเหตุบอกว่าเขาและเพื่อนได้ถูกบังคับขึ้นรถเชฟโรเลตสีดำ หมายเลขทะเบียนไม่ทราบ ขณะที่รถกำลังเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง

ตำรวจท่องเที่ยวได้เริ่มการกู้ภัยทันที โดยใช้กล้องวงจรปิดที่สถานีบริการน้ำมันเพื่อระบุข้อมูลของรถยนต์ ค้นพบหมายเลขทะเบียนของรถ (กล 2618) ต่อมาผู้ตรวจสอบได้ติดตามการเดินทางของยานพาหนะผ่านการวิเคราะห์วิดีโอและติดตามแบบเรียลไทม์ ก่อนที่จะแจ้งให้ตำรวจในจังหวัดสงขลา ตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อเตรียมการตั้งจุดสกัด

ตำรวจในจังหวัดสงขลาสามารถสกัดกั้นรถคันดังกล่าวได้ที่จุดตรวจบ้านกังก์ หลังจากตรวจสอบ พบในรถมีคน 6 คน ซึ่งรวมถึงคนขับเป็นคนไทยอายุ 43 ปี อาศัยอยู่ในจังหวัดสงขลา และมีชาวจีน 5 คน โดย 4 คนไม่มีหนังสือเดินทาง ขณะที่อีก 1 คนมีหนังสือเดินทางแต่หมดอายุ

จากการสอบสวนพบว่าคนขับชาวไทยถูกสงสัยในการช่วยเหลือให้ชาวต่างชาติหลบหนีการจับกุม ในขณะที่คนจีนที่ไม่มีหนังสือเดินทางถูกสงสัยในการเข้ามาในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายและอยู่เกินกำหนดเวลา ตำรวจจะดำเนินการตรวจสอบคดีนี้ต่อไป

จากการสอบสวนเพิ่มเติมพบว่า สาเหตุที่ทำให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลไทยเพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพที่ดำเนินการจากเมืองเมียววดี โดยแผนการของกลุ่มมิจฉาชีพนี้คือการย้ายฐานปฏิบัติการไปยังประเทศกัมพูชาและวางแผนพาชาวจีนเหล่านี้เดินทางผ่านจังหวัดสงขลาไปยังประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ด้วยความร่วมมือของตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตำรวจสามารถสกัดกั้นและจับกุมผู้ต้องสงสัยทั้งหมดได้ คดีนี้ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบต่อไป

การดำเนินการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่เข้มงวด 7 ข้อที่กำหนดโดยรัฐบาลไทยและ พลตำรวจตรีกีดิล่า ผลการดำเนินการนี้มีเป้าหมายเพื่อต่อสู้กับการเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย การฉ้อโกง และอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกลวงประชาชน ตำรวจท่องเที่ยวได้สั่งการให้หน่วยงานทั้งหมดปฏิบัติตามมาตรการเหล่านี้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม และเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มาเยือน