นิสสันเตรียมปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกในประเทศไทย

15 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 19:28 น.    20

วันที่ผ่านมา นายเซอิจิ อุชิดะ ประธานและผู้บริหารสูงสุดของบริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ได้ประกาศแผนการลดต้นทุนในปีงบประมาณ 2026 ให้ได้ถึงประมาณ 400,000 ล้านเยน หนึ่งในมาตรการสำคัญคือการรวมสายการผลิต ปรับเปลี่ยนกะการทำงาน และโอนบางภารกิจการผลิตไปยังโรงงานอื่น โดยการปรับเปลี่ยนนี้จะเริ่มต้นที่โรงงานในสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2025 ซึ่งถือเป็นการปรับกลยุทธ์เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก

ตามข้อมูลจากบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด นิสสันได้ตัดสินใจที่จะปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกในประเทศไทย และมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนโรงงานดังกล่าวให้กลายเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์

โรงงานที่ถูกปิดก่อนหน้านี้ผลิตรถยนต์หลายรุ่น อาทิ เทียน่า (Teana), เอ็กซ์-เทรล (X-Trail), ซิลฟี (Sylphy), โน้ต (Note), มาร์ช (March) และอัลเมร่า (Almera) แต่ในปัจจุบันรถรุ่นเหล่านี้ได้ออกจากตลาดไทยแล้ว โดยโรงงานดังกล่าวยังคงผลิตรถอัลเมร่าและคิกส์ (Kicks) อยู่ ซึ่งนิสสันมีแผนที่จะย้ายการผลิตรถทั้งสองรุ่นไปยังโรงงานที่สอง ขณะเดียวกันการผลิตรถกระบะ Navara และ SUV รุ่น Terra ก็จะย้ายไปยังโรงงานที่สองเช่นกัน

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ปัจจุบันมีฐานการผลิตอยู่ที่จังหวัดชลบุรี บนถนนบายหนองตะไกรรวมสองโรงงานที่มีกำลังการผลิตรวมต่อปีถึง 370,000 คัน ซึ่งแบ่งเป็น:

โรงงานแรก: มีกำลังการผลิต 220,000 คัน (ที่จะเปลี่ยนไปผลิตชิ้นส่วน)
โรงงานที่สอง: มีกำลังการผลิต 150,000 คัน จะเป็นผู้รับผิดชอบในการผลิตรถยนต์หลักของนิสสันในประเทศไทย

นอกจากนี้ นิสสันยังได้ลงทุนในการสร้างโรงงานผลิตพลังงาน (Nissan Powertrain Thailand, NPT) ในปี 2022 ซึ่งมีจุดประสงค์เฉพาะในการประกอบแบตเตอรี่สำหรับเครื่องยนต์ไฟฟ้า e-Power โดยโรงงานนี้ถือเป็นหนึ่งในสี่โรงงานระดับโลกที่มีผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกัน มีกำลังการผลิตถึง 580,000 หน่วยต่อปี

พนักงานของบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ด้วยการประกาศโครงการลดต้นทุนจากบริษัทแม่ การผลิตในประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งต้องจับตาดูว่าจะมีการจัดการอย่างไรเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการควบคุมต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตในอนาคต
 
(อ้างอิงจาก: matichon)