มาสด้าเผยแผนลงทุนเพิ่ม 500 ล้านบาทในประเทศไทย

13 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 19:51 น.    353

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย (BOI) ได้เปิดเผยว่า มาซาฮิโระ โมโระ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทมาสด้าได้พบกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย โดยในโอกาสนี้ มาสด้าได้ประกาศแผนการลงทุนเพิ่มอีก 50 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์ B-SUV แบบไฮบริดอ่อน (MHEV) โดยคาดว่าจะผลิตรถยนต์ได้ปีละ 100,000 คัน เพื่อส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก

การลงทุนในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการอนุมัติมาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า โดยคณะกรรมการนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคม ปี 2024 มาตรการดังกล่าวรวมถึงการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถไฮบริด (HEV) และรถไฮบริดอ่อน (MHEV) ลงเหลือ 6-9% และ 10-12% ตามลำดับ นโยบายภาษีนี้จะมีผลใช้ถึงปี 2026 ถึง 2032 และสำนักงาน BOI ยังได้เปิดตัวมาตรการสนับสนุนการปรับปรุงอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิตที่นำเทคโนโลยีอัตโนมัติเข้ามาใช้ในการผลิต

นายอนุรักษ์ ยมนาม เลขาธิการ BOI กล่าวเสริมว่า "การลงทุนขยายของมาสด้าเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของเราต่อศักยภาพของประเทศไทย และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการส่งเสริมเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมรถยนต์และห่วงโซ่อุปทานชิ้นส่วน" พร้อมทั้งเป็นการยืนยันว่าจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ในภูมิภาคนี้ในอนาคต

มาซาฮิโระ โมโระ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า มาสด้ามีประวัติการดำเนินงานในประเทศไทยมาแล้วกว่า 70 ปี นอกจากการจัดจำหน่ายและมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย มาสด้ายังลงทุนในการสร้างฐานการผลิตในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 1995 ที่ได้สร้างโรงงาน AutoAlliance (AAT) ในจังหวัดระยองซึ่งผลิตรถยนต์นั่งและรถเชิงพาณิชย์ และในปี 2015 ที่ได้สร้างโรงงานมาสด้าเพาเวอร์ซิสเต็มส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ไทยแลนด์ (MPMT) ในจังหวัดชลบุรีซึ่งผลิตเครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ โรงงานเหล่านี้ได้วางรากฐานสำคัญในการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกของมาสด้าในภูมิภาคนี้

นอกจากนี้ มาซาฮิโระ โมโระ ยังกล่าวว่า การลงทุนเพิ่มอีก 50 ล้านบาทนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) และส่งเสริมการผลิตรถ B-SUV ที่มีการขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าสนับสนุน (Electric Power Assist) โดยรถยนต์เหล่านี้จะมีคุณสมบัติในการประหยัดพลังงาน ลดมลพิษ และตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล คาดว่าจะมียอดผลิตปีละ 100,000 คัน ซึ่งจะถูกจำหน่ายในตลาดภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นและประเทศในอาเซียนต่างๆ การลงทุนนี้จะครอบคลุมทั้งการประกอบรถยนต์และการผลิตชิ้นส่วนหลัก เช่น เครื่องยนต์ กระปุกเกียร์และแบตเตอรี่ ตั้งเป้าว่าจะเริ่มการผลิตในปี 2030 เพื่อรองรับความต้องการรถยนต์พลังงานใหม่ที่กำลังเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ มาสด้ายังมีแผนเสริมสร้างเครือข่ายผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ผลิตสามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการขยายการลงทุนที่สำคัญของมาสด้าในประเทศไทย และเป็นการยืนยันนโยบายในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยอย่างไม่หยุดยั้ง

(แปลจากแหล่งข่าว: สำนักข่าวรัฐบาลไทย)