ไทยเตรียมทำสถิติใหม่! 220,000 ล้านบาท คาดการณ์การซื้อขายโรงแรมในปี 2024

10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10:52 น.    372

ข่าวจากสำนักข่าวไทยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไทยได้มีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ภาคโรงแรมกลายเป็นจุดสนใจของการลงทุน โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 4 และ 5 ดาว ซึ่งยอดรายได้จากห้องพักได้สูงขึ้นจากระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดในปี 2019 ข้อมูลจากบริษัท Colliers International Thailand เปิดเผยว่า ในปี 2024 นี้ ประเทศไทยจะมีการทำธุรกรรมโรงแรมทั้งหมด 12 แห่ง รวมจำนวนห้องพักถึง 3,199 ห้อง โดยมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 16,778 ล้านบาท ซึ่งทุกการทำธุรกรรมจะเกิดขึ้นในเขตกรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, ภูเก็ต และเกาะสมุย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีการเจรจาซื้อขายโรงแรมจำนวนมากที่กำลังดำเนินการอยู่ คาดว่าในปี 2025 มูลค่าการซื้อขายโรงแรมในไทยจะสูงถึง 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

คุณปัททชาย ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและการสื่อสารของ Colliers International ได้ให้ข้อมูลว่า นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมีความสนใจในตลาดโรงแรมของไทยอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น กรุงเทพมหานคร, ภูเก็ต, เกาะสมุย, พัทยา, กระบี่ และเชียงใหม่ โดยเฉพาะในด้านที่นักลงทุนให้ความสนใจ ได้แก่:

1. อัตราผลตอบแทนรายปีสูงกว่า 6%;

2. อายุอาคารไม่เกิน 15 ปี โดยอายุต่ำกว่า 10 ปีจะได้รับความนิยมมากกว่า;

3. จำนวนห้องพักเกิน 150 ห้อง เพื่อรับประกันความคุ้มค่าในการลงทุน รวมถึงช่วยในการปรับปรุงและอัปเกรด;

4. มีการร่วมมือกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติในการบริหารจัดการ ในรูปแบบที่เรียกว่า "แบรนด์พันธมิตร" เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของโรงแรม

ข้อมูลจากบริษัท JLL เผยว่าจนถึงปี 2024 พวกเขาได้มีการทำธุรกรรมโรงแรมที่สำคัญหลายรายการ โดยรวมถึง:

– รีสอร์ทและสปาเกาะสมุย (The Lamai Samui Resort & Spa);

– โรงแรมฮิลตันการ์เด้นอินน์ในภูเก็ต (Hilton Garden Inn Phuket Bangtao);

– โรงแรมประเภทอพาร์ตเมนต์จำนวน 5 แห่ง รวมห้องพักมากกว่า 1,800 ห้อง

ที่น่าสังเกตคือ โรงแรมฮายัตต์ รีเจนซี่ กรุงเทพฯ ซอยสุขุมวิท ได้มีกระบวนการซื้อขายที่มูลค่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งได้สร้างสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์การทำธุรกรรมโรงแรมในประเทศไทย

คุณคริต ผู้รับผิดชอบตลาดทุนแห่ง JLL ประเทศไทย ได้เปิดเผยว่าตลาดการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยตลอดทั้งปี บริษัทได้ให้คำปรึกษาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ถึง 38,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการสำคัญอย่าง:

– การทำธุรกรรมเช่าที่ดินระยะยาวในพื้นที่ Ratchadamri ในกรุงเทพฯ;

– การซื้อที่ดินสำหรับอุตสาหกรรมจากผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำระดับโลก;

– การซื้อที่ดินสำหรับโครงการศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ Bangna ของกรุงเทพฯ;

– การทำธุรกรรมเช่าที่ดินสำหรับโครงการโรงแรมในสุขุมวิท

การลงทุนเหล่านี้มีส่วนช่วยในการเพิ่มความน่าสนใจของไทยในฐานะศูนย์การลงทุนในภูมิภาค

ในปี 2024 การทำธุรกรรมโรงแรมในไทยรวมทั้งสิ้น 15 รายการ มีมูลค่าตลาดมากกว่า 22,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ามูลค่าการทำธุรกรรมเฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่มีมูลค่าการซื้อขายเกือบ 50% ส่วนภูเก็ตและเชียงใหม่เป็นอันดับถัดไป การขายฮายัตต์ รีเจนซี่ กรุงเทพฯ ก็ได้ทำลายสถิติการทำธุรกรรมในหนึ่งรายการในประเทศไทย ทำให้ปี 2024 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดการลงทุนโรงแรมของไทย JLL คาดการณ์ว่าในปี 2025 มูลค่าการทำธุรกรรมโรงแรมในไทยจะแตะ 13,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ามูลค่าการทำธุรกรรมเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2010 ขึ้นไปถึง 12%

คุณบาวิน หัวหน้าทีมบริการลงทุนโรงแรมเอเชียของ JLL กล่าวว่าหากดูจากโรงแรมระดับสูงเช่น ฮายัตต์ รีเจนซี่ กรุงเทพฯ นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดการลงทุน แต่กลับมีอุปทานในตลาดที่จำกัด การทำธุรกรรมนี้จึงมีความสำคัญมาก นอกจากจะกระตุ้นตลาดการลงทุนโรงแรมในไทยแล้ว ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่องบประมาณการท่องเที่ยวในประเทศ โดยคาดการณ์ว่าตลาดการทำธุรกรรมโรงแรมในปีนี้จะยังคงเป็นหนึ่งในพื้นที่ลงทุนที่ร้อนแรง โดยมีมูลค่ารวมที่คาดว่าจะสูงถึง 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 300% เมื่อเทียบกับปี 2023

(อ้างอิงข้อมูลจาก thansettakij)