ข่าวจากสำนักข่าวไทยเฮดไลน์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีประเทศไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ ได้สิ้นสุดกิจกรรมการเยือนประเทศจีนโดยเดินทางกลับสู่กรุงเทพมหานคร โดยที่สนามบินได้มีภรรยาและบุตรสองคนรอคอยเพื่อต้อนรับเขาอยู่ เมื่อเสร็จสิ้นการลงจากเครื่องบิน พลเอกประยุทธ์ได้เดินเข้าหาครอบครัวและให้การกอดและจูบลูกๆ อย่างอบอุ่น

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับการไปเยือนจีน และความรู้สึกที่กลับถึงประเทศไทยที่เต็มไปด้วยอุณหภูมิที่อบอุ่น พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า หากถอดเสื้อโค้ตหนาออกเพื่อถ่ายภาพ อาจจะรู้สึกหนาวได้ โดยที่เมืองปักกิ่งนั้นยังคงอยู่ในระดับที่พอทนได้ แต่ที่ฮาร์บินนั้นแนะนำว่าไม่ควรทำเช่นนี้ เพราะอุณหภูมิที่นั่นยังต่ำมาก

ต่อมา พลเอกประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผลสำเร็จของการเยือนในครั้งนี้ โดยมีการพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งสี จิ้นผิง ได้ชื่นชมความเด็ดขาดของไทยในการแก้ไขปัญหาศูนย์บริการโทรศัพท์ และให้การยอมรับถึงการที่ฝ่ายไทยหลีกเลี่ยงเสียงคัดค้านจากประชาชนในเมียนมาเกี่ยวกับการซื้อสินค้าจากไทยและการประท้วงการตัดไฟ

เมื่อถูกสอบถามว่าประเทศจีนจะให้การสนับสนุนอย่างไรในการต่อสู้กับศูนย์บริการโทรศัพท์ที่ผิดกฎหมาย พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งสองประเทศจะต้องทำงานร่วมกัน เนื่องจากประเด็นนี้มีผลกระทบในระดับโลก และจะมีการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะเพื่อรับผิดชอบในการดำเนินงานที่เฉพาะเจาะจง โดยการทำงานในด้านนี้จะต้องมีการตกลงกันระหว่างไทยและจีน และหากมีประเด็นที่ต้องหารือเพิ่มเติมก็จะใช้คณะทำงานนั้นในการพิจารณาต่อไป

เมื่อตอบคำถามเกี่ยวกับแผนการดำเนินการภายหลังจากที่ได้หยุดการจัดหาน้ำและไฟฟ้าไปยังเมียนมา พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบว่าปริมาณการเกิดเหตุการณ์ผิดกฎหมายลดน้อยลงหรือไม่ และใส่ใจต่อปฏิกิริยาของสาธารณชน เพราะการทำสิ่งเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชน และเพื่อป้องกันสถานการณ์ที่อาจเกิดความเสี่ยงได้ ในส่วนของการประท้วงจากฝ่ายเมียนมา พลเอกประยุทธ์ยืนยันว่า ตามที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวไว้ เราต้องดูแลประชาชนของเราให้ดีที่สุดก่อน พลเอกประยุทธ์เน้นย้ำว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยนั้น จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนไทยเป็นอันดับแรก

(แหล่งที่มา: bangkokbiznews)