5 สิ่งของใกล้ตัวที่คุณอาจเผลอกินไมโครพลาสติก! พบแช่แข็งก็ยังซึมพลาสติกได้

05 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10:28 น.    447

5 สิ่งของใกล้ตัวที่คุณอาจเผลอกินไมโครพลาสติก! พบแช่แข็งก็ยังซึมพลาสติกได้

การศึกษาล่าสุดเผยให้เห็นถึงการปนเปื้อนจากไมโครพลาสติกซึ่งมีความเชื่อมโยงกับโรคหัวใจ ปัญหาการเจริญพันธุ์ และมะเร็ง โดยมีข้อมูลชี้ให้เห็นว่าอาจมีผลกระทบต่อจำนวนอสุจิ ซึ่งทำให้ผู้คนเริ่มหันมาสนใจเกี่ยวกับวิธีการหลีกเลี่ยงไมโครพลาสติกในชีวิตประจำวัน มากขึ้น วันนี้เราจะมาสำรวจวิธีที่คุณสามารถลดการปนเปื้อนนี้ในสภาพแวดล้อมของคุณ โดยเฉพาะในห้องครัวกับอุปกรณ์ที่ควรระวัง!

ไมโครพลาสติกถือเป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจในระดับสากล โดยไมโครพลาสติกหมายถึงชิ้นส่วนพลาสติกที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นต้นเหตุใหญ่ที่สร้างมลพิษในทะเล เมื่อสัตว์ทะเลที่กินเข้าไปจึงนำมาสู่วงจรอาหารของมนุษย์ ในขณะเดียวกันการปล่อยของไมโครพลาสติกจากแหล่งมลพิษบนบกก็เดินทางเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้เช่นกัน จากการศึกษาของนักวิจัยเผยว่าไมโครพลาสติกมีความเชื่อมโยงกับโรคหัวใจ ปัญหาการเจริญพันธุ์ และมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีข้อมูลระบุว่าไมโครพลาสติกอาจทำให้จำนวนอสุจิลดลงด้วย

มาทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครพลาสติกกันว่าแท้จริงมันคืออะไร โดยไมโครพลาสติกแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ "ไมโครพลาสติกเชิงเริ่มต้น" และ "ไมโครพลาสติกเชิงรอง" ไมโครพลาสติกเชิงเริ่มต้นรวมถึงเม็ดพลาสติกและเม็ดเจลขนาดเล็ก ซึ่งถูกใช้ระหว่างกระบวนการผลิตเช่นในการทำขวดหรือแปรงฟัน ส่วนไมโครพลาสติกเชิงรองเกิดจากการสึกกร่อนของผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใหญ่ขึ้น อีกทั้งตามรายงานการศึกษาจากแคนาดาในปี 2019 ระบุว่ามนุษย์อาจบริโภคไมโครพลาสติกถึงปีละ 52,000 เม็ดเลยทีเดียว

คนเราจึงเริ่มมองหาวิธีในการหลีกเลี่ยงไมโครพลาสติก จากการศึกษาในบทความนี้ เราจะเน้นอุปกรณ์ห้าชนิดที่คุณควรใส่ใจเพื่อลดการปนเปื้อนนี้ในชีวิตประจำวัน

1. ถุงชาที่คุณใช้

หลายคนอาจไม่ทราบว่าถุงชาหลายแบรนด์ถูกผลิตจากพลาสติกโพลีพรอพิลีน (polypropylene) แม้แต่ถุงชาที่มีลักษณะเป็นกระดาษก็อาจมีการใช้ปริมาณพลาสติกในการปิดผนึก ทำให้พวกมันไม่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และท้ายที่สุดก็จะสร้างมลพิษไมโครพลาสติก

ในการศึกษาที่เปิดเผยโดยมหาวิทยาลัย Dow University of Health Sciences ในปี 2023 มีการรายงานว่าการชงชาในน้ำร้อนสามารถปล่อยไมโครพลาสติกได้ถึง 31,000 ล้านชิ้นต่อการชงหนึ่งครั้ง แถมถุงชาเหล่านี้ยังอาจมีสารที่เป็นอันตรายอื่น ๆ เช่นฟลูออรีน สารหนู เรเดียม อลูมิเนียม ทองแดง ทองตะกั่ว ปรอท แคดเมียม แบเรียม และไนเตรต ซึ่งเป็นสารตกค้างที่ส่งผลต่อสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม ข่าวดีคือ การเลือกใช้ใบชาหรือชาแบบบรรจุในถุงผ้ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้น รวมถึงวิธีการชงชาที่ยั่งยืนอื่น ๆ อย่างเช่นการใช้ถุงชาผ้าฝ้ายหรือการกรองชาโดยใช้ผ้าลินินอินทรีย์

2. ถ้วยกระดาษ

แม้ว่าถ้วยกระดาษมักถูกมองว่ามีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าถ้วยพลาสติก แต่จริงๆ แล้วมันก็ยังมีการทำมูลค่าของไมโครพลาสติกด้วย เพราะถ้วยเหล่านี้จำเป็นต้องมีการเคลือบคุณภาพดีที่ทำมาจากโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกมา ซึ่งมีปัญหาในกระบวนการรีไซเคิล เพราะการแยก HDPE จึงทำให้กระบวนการกลายเป็นความซับซ้อน

นิคมสารเคมี Journal of Hazardous Materials ในปี 2021 ได้เผยแพร่การศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าการใช้ถ้วยกระดาษสำหรับดื่มเครื่องดื่มร้อนอาจทำให้มีการปลดปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตรายหลายชนิด เช่น ฟลูออรีน คลอรีน และไนเตรต

คุณควรพิจารณาใช้ขวดน้ำสแตนเลสแทน เพื่อช่วยลดการปนเปื้อนจากไมโครพลาสติกที่เข้าสู่ร่างกาย

3. อุปกรณ์ทำไอศกรีม

ถ้าไม่นับแหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อนจากไมโครพลาสติกแล้ว ถาดทำไอศกรีมพลาสติกก็ยังถูกพบว่าเป็นแหล่งของการปนเปื้อนนี้เช่นกัน แม้ว่าจะมีการศึกษาในด้านนี้น้อย แต่จากการรายงานของ HealthCentral พบว่าพลาสติกที่เย็นลงอาจปล่อยไมโครพลาสติกสู่ของเหลวได้ในลักษณะเดียวกับพลาสติกที่ใช้ความร้อน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถาดทำไอศกรีมแบบสแตนเลสกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่สามารถทำให้เครื่องดื่มเย็นเร็วขึ้น แต่ยังมีความสวยงามในมุมมองอีกด้วย ในขณะที่ถาดทำไอศกรีมจากซิลิโคนถือว่ามีความปลอดภัยและสะดวกกว่าในการผลิตน้ำแข็ง

4. ภาชนะบรรจุอาหารที่ใช้ในไมโครเวฟ

ภาชนะพลาสติกที่ถูกระบุว่าปลอดภัยสำหรับการใช้ในไมโครเวฟสามารถปล่อยไมโครพลาสติกออกมาในช่วงที่มีการทำความร้อน จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเนเบรสกาในปี 2023 พบว่าผลิตภัณฑ์พลาสติก "ปลอดภัยสำหรับไมโครเวฟ" เพื่อตบทีในทารกอาจมีไมโครพลาสติกสูงถึง 4 ล้านเม็ดต่อเซนติเมตร ซึ่งสร้างความกังวลในเรื่องของผลกระทบต่อสุขภาพ

American Academy of Pediatrics แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีสาร Phthalates, Styrene หรือ Bisphenols ซึ่งเป็นสารที่เป็นภัยจากพลาสติก

5. เขียงพลาสติก

จากการศึกษาโดย American Chemical Society (ACS) แสดงให้เห็นว่าเพียงแค่การใช้เขียงพลาสติกก็อาจทำให้ร่างกายของเราได้รับไมโครพลาสติกถึง 79,400,000 ชิ้นในแต่ละปี สรุปได้ว่าการใช้เขียงพลาสติกอาจเพิ่มโอกาสที่เราจะบริโภคไมโครพลาสติก โดยแนะนำให้พิจารณาใช้เขียงไม้หรือแก้วที่มีความแข็งแรง เพราะมักจะไม่ปนเปื้อน และง่ายต่อการทำความสะอาด หรือเลือกใช้เขียงจากเส้นใยกระดาษที่ผลิตโดยไม่ใช้พลาสติก

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับไมโครพลาสติกและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการบริโภคสารพิษดังกล่าวได้ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าในการใช้ชีวิตของเรา

※ เรียบเรียงจากข้อมูลของเว็บไซต์ 【แม่และเด็ก】 โดยไม่อนุญาตให้คัดลอกโดยไม่ได้รับอนุญาต