02 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 18:41 น. 437
ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตำรวจไทยได้ทำการจับกุมชายชาวจีนชื่อ ล่าว ชุนเชิน (เสียงอ่าน) ตามหมายจับหมายเลข 18/2022 ที่ออกโดยศาลปาบาเดน โดยมีข้อกล่าวหาว่า “สมรู้ร่วมคิดในการหลอกลวงประชาชน” และในการเข้าจับกุมที่อพาร์ตเมนต์หรูของเขาในเขตหวังฮุ่ยกรุงเทพฯ ตำรวจได้ยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิด ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง และอุปกรณ์กล้องวงจรปิด 2 เซ็ต
ตามข้อมูลที่ได้รับ ตำรวจได้เริ่มสืบสวนเกี่ยวกับคดีการฉ้อโกงในจังหวัดนนทบุรี, ตรัง และอุบลราชธานี พบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุได้จัดตั้งฐานการสัญญาณปลอมบริเวณลาดกระบัง ตำรวจจึงได้ยื่นขอหมายค้นเพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม และขณะเข้าจับกุมได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวไทยจำนวน 4 ราย พร้อมกับยึดกล่อง SIM การ์ด 15 กล่อง ระหว่างการสอบปากคำ ผู้ต้องสงสัยชาวไทยทั้ง 4 สารภาพว่าพวกเขาทำงานให้กับล่าว ชุนเชิน โดยได้รับเงินค่าตอบแทนจากการติดตั้ง SIM การ์ดสำหรับรับสัญญาณระหว่างประเทศ
ล่าว ชุนเชิน ได้ให้การในการสอบสวนว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยถูกจับและต้องโทษอยู่ในเรือนจำ ซึ่งในระหว่างถูกคุมขังเขาได้มีโอกาสรู้จักกับนายแอ๊ด หนึ่งในผู้ต้องสงสัย 4 รายนี้ และเมื่อออกจากเรือนจำ เขายังคงติดต่อกับนายแอ๊ดอยู่ หลังจากนั้นมีการชักชวนให้เขามีส่วนร่วมในกิจกรรมการฉ้อโกง โดยเขาได้รับผิดชอบในการเช่าห้องและติดตั้งอุปกรณ์กล่อง SIM ที่ส่งมาจากจีนและกัมพูชา และเมื่อทำสำเร็จ นายแอ๊ดจะจ่ายเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัล
ตำรวจกำลังมองว่าล่าว ชุนเชิน เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของกลุ่มมิจฉาชีพนี้ เนื่องจากเขาเคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการในหลายศูนย์บริการโทรศัพท์ที่ผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน ศูนย์บริการเหล่านี้ผูกพันกับกิจกรรมการฉ้อโกงซึ่งมักจะมีการแบ่งกลุ่มตามประเทศ เช่น จีนแผ่นดินใหญ่, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ญี่ปุ่น และไทย โดยล่าวมีหน้าที่ดูแลกลุ่มมิจฉาชีพที่ทำงานในไต้หวันและไทย ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ที่ทำงานในแวดวงนี้ได้รับค่าแรงอยู่ที่ 25,000 บาทต่อเดือน และจะได้รับโบนัส 0.5% จากจำนวนเงินที่ถูกหลอกไป ในคดีนี้กลุ่มผู้ต้องสงสัยได้รับเงินค่าสินไหมประมาณ 37 ล้านบาท และแบ่งกันได้ประมาณ 185,000 บาท
นอกจากนี้ ข้อมูลที่ตำรวจไทยได้รับจากการทำงานร่วมกับตำรวจไต้หวัน พบว่าล่าว ชุนเชิน ถูกกล่าวหาว่าครอบครองบัญชี “ม้า” และเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง จนถูกออกหมายจับจากไต้หวันที่มีผลตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2025 นอกจากนี้ ล่าวยังเคยถูกตัดสินจำคุก 10 ปีจากศาลไทยในข้อหาฉ้อโกงและปลอมแปลงบัตรเครดิต และถูกปล่อยตัวเมื่อปี 2020 จากเรือนจำคลองเปรม กรุงเทพฯ
ข้อมูลสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการทำงานที่มีระบบของกลุ่มมิจฉาชีพในภูมิภาค โดยทำให้เกิดความกังวลถึงความปลอดภัยและความเสี่ยงในการถูกหลอกลวงในสังคมปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนระมัดระวังและสามารถป้องกันตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(แหล่งข้อมูล: ch3plus)