02 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14:36 น. 378
ข่าวจากสำนักข่าวไทยเฮดไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระหว่างเวลา 08.00 น. ถึง 08.30 น. พลเอกหญิงประยุทธ์ วงษ์ยุติธรรม นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ได้เข้าร่วมรายการหนึ่งเพื่อพูดคุยกับประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความหวังว่าผ่านรายการนี้จะได้มีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับผลงานของรัฐบาล และรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์นโยบายล่าสุดของรัฐบาล
ในรายการ พลเอกหญิงประยุทธ์ได้กล่าวถึงนโยบาย “รักษาพยาบาลทั่วประเทศ 30 บาท” ซึ่งมีผลครอบคลุมถึงกรุงเทพฯ และ 76 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ทำให้ประชาชนไม่ต้องเข้าร่วมแถวยาวเพื่อเข้ารับการรักษา ลดความกดดันในเรื่องงานและรายได้ของประชาชน นอกจากนี้ นโยบาย “หนึ่งจังหวัดหนึ่งทุนการศึกษา” (ODOD) ก็สร้างโอกาสให้กับนักเรียนในการไปศึกษาต่อต่างประเทศในช่วงฤดูร้อน อีกทั้งโครงการบ้านเอื้ออาทร “ไทยแลนด์” ก็ได้รับการตอบรับที่ดี ส่งเสริมให้ผู้ทำงานมีโอกาสในการมีที่พักอาศัยของตนเองและสามารถชำระเงินเป็นงวดได้ในระยะเวลาดีขึ้น ทำให้รัฐบาลมีความมั่นใจมากขึ้น ในขณะเดียวกัน กฎหมาย “ความเท่าเทียมทางการสมรส” ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทุกพรรคการเมือง หลังจากที่ผ่านไปกว่า 20 ปีของความพยายามในด้านนี้
พลเอกหญิงประยุทธ์ยังได้แชร์ประสบการณ์จากการเข้าร่วมประชุมที่กรุงดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในการประชุมฟอรัมเศรษฐกิจโลก ในระหว่างที่เข้าร่วมงาน ทางนายกรัฐมนตรีได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของบทบาท “นายกรัฐมนตรี” และเห็นว่า มีรัฐมนตรีหลายคนร่วมเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย เธอยังแสดงความตั้งใจที่จะเรียนรู้แนวโน้มของโลกในปีหน้า และมองหาสิ่งที่ประเทศและภูมิภาคอื่นๆ กำลังทำงานอยู่ เช่นเดียวกับความเชื่อว่า การเข้าร่วมในประชุมครั้งนี้สามารถนำมาซึ่งการลงทุนให้กับประเทศไทยได้ นอกจากนี้ ในระหว่างการประชุม ประเทศไทยได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับกลุ่มอนุภาพพาณิชย์ยุโรป ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับอาหารไทยอีกด้วย
ต่อมา พลเอกหญิงประยุทธ์ได้กล่าวถึงปัญหามลพิษ PM2.5 โดยระบุว่า เธอได้สั่งการให้หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเพื่อลดมลพิษ เช่น การเพิ่มมูลค่าการรีไซเคิลใบอ้อยเพื่อลดการเผาไหม้ และการอนุญาตให้ขนส่งสาธารณะฟรีในช่วง 7 วัน ซึ่งเธอเชื่อว่าเป็นวิธีที่จะช่วยลดฝุ่น PM2.5 ได้ นอกจากนี้ ปัญหามลพิษ PM2.5 เป็นปัญหาทั่วทั้งอาเซียน โดยทางกระทรวงการต่างประเทศได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว
สำหรับโครงการ “กระเป๋าดิจิทัล 10,000 บาท” ที่จะมีการแจกจ่ายให้กับประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 3 ล้านคน ได้เข้าสู่ระยะที่สามแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในพระราชกำหนดเพื่อปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ เพราะเห็นว่า มีบางคนที่สะสมเงินตลอดชีวิตแต่กลับถูกหลอกลวง จึงมีการระบุไว้ในพระราชกำหนดนี้เพื่อให้ธนาคารและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือมีความรับผิดชอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ก่อนที่จะจบรายการ พลเอกหญิงประยุทธ์ได้พูดถึงความรู้สึกในขณะที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เธอเปิดเผยว่า เธอรู้สึกเสียใจเช่นเดียวกัน เพราะมีหัวใจเช่นกัน แต่ไม่จมอยู่กับความรู้สึกนั้น เพราะยังมีงานมากมายที่ต้องทำ เธอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีที่ประชาชนแสดงความไม่พอใจต่อการบริหารงานของรัฐบาล ว่าจำเป็นต้องมีการตรวจสอบและเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหานั้นๆ ขณะเดียวกัน เธอไม่ให้ความสำคัญกับการวิจารณ์เกี่ยวกับการแต่งกาย เพราะเน้นที่ความพอใจของประชาชนต่อไปยังนโยบายมากกว่า
(แปลโดย: KA ; ที่มา: thaipbs)