ข่าวจากสำนักข่าวไทยเฮดไลน์ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตำรวจไทยได้ร่วมมือกับหน่วยงานชายแดนและเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่น ในการตั้งจุดตรวจที่อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ซึ่งอยู่ติดกับเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยสามารถดักจับรถยนต์ที่บรรทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากได้ รถคันดังกล่าวเป็นรถกระบะโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน “กต 6839 ตาก” และจากการตรวจสอบพบว่าภายในรถมีการยึดอุปกรณ์อย่างมากมาย ได้แก่ โทรศัพท์มือถือจำนวน 1,251 เครื่อง ซิมการ์ด 274 ใบ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 19 ชุด

จากการสืบสวนเบื้องต้น พบว่า คนขับรถอายุ 45 ปีได้สารภาพว่า เขาถูกจ้างให้ไปรับของเหล่านี้ที่ริมแม่น้ำเมย และนำส่งไปยังอำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดต่อกับบริษัทโลจิสติกส์เอกชน โดยมีค่าจ้างประมาณ 5,000 บาทไทย ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนถึงกลไกในการขนส่งสินค้าอย่างผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา

ตำรวจมีความเชื่อว่ามือถือและคอมพิวเตอร์เหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มมิจฉาชีพจากเมียนมาในเมืองเมียวดี เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาไทยและจีนได้ร่วมมือกันในการปราบปรามการดำเนินงานของศูนย์โทรศัพท์ที่ผิดกฎหมาย ในขณะนี้กลุ่มเหล่านี้มีแผนที่จะย้ายศูนย์ปฏิบัติการไปที่กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ข้ามแดนบริเวณใกล้สระแก้ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการยึดอุปกรณ์ทั้งหมดและนำตัวคนขับไปสอบสวนที่สถานีตำรวจอำเภอแม่ระมาดเพื่อขยายผลต่อไป

นอกจากนี้ นายอัครเดช รักษ์ราษฎร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และประธานคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศของเมียนมาได้ส่งข้อเรียกร้องผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศไทย เพื่อขอให้ประเทศไทยหยุดการส่งไฟฟ้าไปยังสองพื้นที่ ดังนี้:

1. หมู่บ้านวังพา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก – หมู่บ้านเกาะกก เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา

2. หมู่บ้านแม่กุไมธานซุง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก – เมืองเมียวดี

ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา ประเทศไทยได้ดำเนินการหยุดการจ่ายไฟฟ้าไปยังบางพื้นที่ในเมียนมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของไทยได้ระงับการผลิตไฟฟ้าสำหรับภูมิภาคชายแดนระหว่างอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก กับเมืองมุ่งปังในประเทศเมียนมา นายอัครเดชกล่าวว่า การไฟฟ้าจะดำเนินการระงับการจ่ายไฟฟ้าทันทีเมื่อได้รับข้อมูลพื้นที่ที่ชัดเจนจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ในการสนับสนุนของนโยบายด้านการต่างประเทศและความมั่นคงของรัฐบาลไทย ทั้งนี้ หากประชาชนหรือองค์กรมีเบาะแสเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวสามารถแจ้งต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือกระทรวงมหาดไทยได้โดยตรงเพื่อให้มีการดำเนินการอย่างทันท่วงที

(Matichon, posttoday)