02 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 11:16 น. 544
ข่าวจากสำนักข่าวไทย รายงานว่าเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีฌอเก๋น ปาเซอร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ของประเทศไทย ได้ออกมาประกาศว่า กระทรวงดิจิทัลฯ กำลังดำเนินมาตรการในการตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยงกับระบบ Mobile Banking เพื่อขจัดบัญชีที่ผิดกฎหมาย หรือที่เรียกว่า "马账户" โดยมาตรการนี้จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 ถึงสิ้นเดือนนี้
ภายในระยะเวลา 28 วัน แต่ละธนาคารจะส่งข้อมูลไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือประมาณ 2.4 ล้านหมายเลข ซึ่งมีความไม่ตรงกันระหว่างข้อมูลเจ้าของบัญชีธนาคารกับเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ พวกเขาจะต้องทำการตรวจสอบและอัปเดตข้อมูลดังกล่าวภายในวันที่ 30 เมษายน ถ้าหากไม่ดำเนินการตามกำหนด บัญชีจะถูกระงับการใช้งาน ปาเซอร์ได้ย้ำว่า การแจ้งเตือนนี้จะถูกส่งผ่านแอปพลิเคชันมือถือเท่านั้น ไม่มีการส่งข้อความเพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้ที่ไม่ได้รับข่าวสาร
นอกจากนี้ การประสานงานในเรื่องนี้ยังมีส่วนร่วมจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงโทรทัศน์แห่งชาติ (NBTC) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (AMLO) ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารต่าง ๆ โดยในเดือนพฤศจิกายน 2024 ได้มีการจำแนกหมายเลขโทรศัพท์มากกว่า 120 ล้านหมายเลขออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน
กลุ่มแรกคือหมายเลขที่มีการจัดประเภทเป็น “M” หมายถึงหมายเลขที่เจ้าของซิมการ์ดและชื่อที่ลงทะเบียนใน Mobile Banking ตรงกันประมาณ 75.8 ล้านหมายเลข คิดเป็นร้อยละ 63.02
กลุ่มที่สอง คือหมายเลขที่ถูกจัดประเภทเป็น “N” หมายถึงหมายเลขที่เจ้าของซิมการ์ดและชื่อที่ลงทะเบียนใน Mobile Banking ไม่ตรงกัน โดยมีจำนวนประมาณ 30.9 ล้านหมายเลข คิดเป็นร้อยละ 25.68
กลุ่มสุดท้ายคือหมายเลขที่มีการจัดประเภทเป็น “P” หมายถึงหมายเลขที่ไม่สามารถระบุชื่อเจ้าของซิมการ์ดได้ หรือไม่มีข้อมูล โดยมีจำนวนประมาณ 13.5 ล้านหมายเลข คิดเป็นร้อยละ 11.29 โดยในกลุ่มนี้บัญชีที่เกี่ยวข้องเปิดเมื่อปี 2022 และใช้ Mobile Banking ก่อนปี 2023 แต่ไม่สามารถระบุชื่อเจ้าของได้ จึงต้องดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม
นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ ยังได้อนุญาตให้ผู้ใช้บางกลุ่มได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบนี้ ได้แก่
1. โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนโดยหน่วยงานของรัฐหรือพนักงานของรัฐ
2. ผู้ใช้ที่มีข้อจำกัด เช่น จำเป็นต้องรอเอกสารทางกฎหมายซึ่งทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนหมายเลขได้ สามารถยื่นคำร้องและเอกสารหลักฐานเพื่อขอยกเว้นได้
3. หากเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์และชื่อที่ลงทะเบียนเป็นสมาชิกในครอบครัว เช่น บิดา มารดา บุตร หรือพี่น้อง สามารถแสดงเอกสารของหน่วยงานรัฐ เช่น ใบทะเบียนบ้าน สูติบัตร หรือสมุดทะเบียนการแต่งงาน พร้อมเอกสารที่ยืนยันสิทธิประโยชน์ในการใช้หมายเลขโทรศัพท์เพื่อขอรับการยกเว้น
4. ถ้าเป็นนิติบุคคลที่มีหมายเลขโทรศัพท์อยู่ในชื่อบริษัท โดยที่พนักงานใช้หมายเลขนี้ สามารถยื่นเอกสารที่แสดงชื่อและหมายเลขติดต่อได้
5. กลุ่มที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองจากกฎหมาย เช่น ผู้ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ผู้พิการ สามารถนำเอกสารทางกฎหมายหรือบัตรประจำตัวผู้พิการมายื่นขอการยกเว้น
เพื่อให้การดำเนินการนี้มีความโปร่งใสและยุติธรรม แนะนำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ชัดเจน
อ้างอิง: posttoday