02 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 03:28 น. 488
ในช่วงนี้ กระแสในสื่อสังคมออนไลน์ได้เกิดแนวคิด "ไม่ซื้อ" (no buy) ที่ถูกนำมาใช้ในปี 2025 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยเน้นให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างประหยัดและการออมเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีภาระหนี้สิน โดยหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมแนวทางนี้คือ Elysia Berman วัย 35 ปี เธอเริ่มต้นสร้าง "ไม่ซื้อ" รายการตั้งแต่ปี 2024 และยืนยันว่าในปีที่ผ่านมาเธอสามารถคืนหนี้บัตรเครดิตไปได้ถึง 34,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และในปีนี้เธอหวังว่าจะสามารถชำระหนี้ทั้งหมดได้ภายในเดือนมิถุนายน และเริ่มต้นการออมเงินได้ในที่สุด
ตามรายงานจาก USA Today Berman ได้ระบุรายการสิ่งที่เธอตัดออกไปจากการซื้อในปีนี้ อาทิเช่น เสื้อผ้าใหม่ ผลิตภัณฑ์ความงาม น้ำหอม เครื่องประดับ อุปกรณ์เทคโนโลยี หนังสือ รวมถึงของตกแต่งบ้าน นอกจากนี้เธอยังตั้งใจที่จะสั่งอาหารจากภายนอกเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น และเธอจะไม่ยกเลิกชั้นเรียนพลาสติก (Pilates) ที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้า
Berman แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีวินัยในการบริหารจัดการการเงิน โดยในช่วงต้นปี 2024 เธอเริ่มคืนหนี้ครั้งละ 1,000 ดอลลาร์ ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นจำนวนที่น้อยนิด เสมือนหยดน้ำที่ตกลงไปในมหาสมุทร แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกได้ถึงความสำเร็จในการควบคุมหนี้สินอย่างชัดเจน และชีวิตที่ไม่มีหนี้ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
การวางแผน "ไม่ซื้อ" นั้น ไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายใหญ่ให้ต้องประหยัดเงินหลายหมื่นดอลลาร์ โดยหลายคนในโซเชียลมีเดีย เช่น Rachel Holdsworth ผู้มีชื่อเสียงจาก TikTok ก็มีวิธีการลดการใช้จ่ายแตกต่างกันออกไป ในกรณีของเธอ เธอตั้งใจลดการทำสีผม ตัดผม การทำเล็บ ซื้อเครื่องดื่มจาก Starbucks และจะไม่ซื้ออุปกรณ์สำหรับดื่มใหม่ รวมถึงเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ที่สำคัญคือ เธอจะลดการสั่งอาหารจากเดลิเวอรี เช่น Uber Eats และ DoorDash
Rachel Holdsworth วัย 28 ปี กล่าวถึงการสร้างงบประมาณที่เข้มงวดกับสามีของเธอ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปี 2025 เมื่อเธอเริ่มวางแผนทำรายการ "ไม่ซื้อ" เธอรู้ตัวว่าปี 2024 เธอใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นเยอะมาก จนรู้สึกตกใจกับการใช้จ่ายที่ผิดพลาดของตัวเอง
Holdsworth ได้ทำการวิเคราะห์การใช้จ่ายในปี 2024 และคาดการณ์ว่าเธอสามารถประหยัดเงินได้ประมาณ 5,000 ดอลลาร์ หลังจากที่เธอตัดสินใจไม่ใช้จ่ายในหลายๆ หมวดหมู่ เธอรู้สึกว่าการหยุดทำผมและทำเล็บนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่การลดการสั่งอาหารจากภายนอกกลับเป็นเรื่องที่ท้าทาย
Jeffrey Jones รองคณบดีวิทยาลัยธุรกิจจากมหาวิทยาลัยมิสซูรี ระบุว่าการลองทำตามแนวทางการเงินใหม่ควรทำด้วยความระมัดระวัง เพราะการตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นอาจทำให้เกิดการใช้จ่ายในด้านอื่นมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การตั้งใจเลิกซื้อน้ำกาแฟในตอนเช้า อาจนำไปสู่การซื้อเครื่องดื่มพลังงานที่มีราคาสูงกว่าแทน
นอกจากนี้ Kara Pérez ที่เรียกตัวเองว่า "ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินอย่างยั่งยืน" แนะนำว่าผู้ที่เริ่มโครงการออมเงิน ควรชัดเจนในค่านิยมและวิถีชีวิตของตน เพื่อที่จะสามารถประหยัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เธอมีความชอบในการเดินป่า ขี่จักรยาน ไปแคมป์ปิ้ง และพายเรือ ซึ่งการเข้าใจในตนเองจะช่วยให้การวางแผนการเงินเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยที่สามารถใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่มีความหมายได้
(การเผยแพร่บทความนี้ได้รับอนุญาตจาก World Journal)