เวลาที่ควรเปลี่ยนตะเกียบ? แนะนำ 4 ประเภทตะเกียบยอดนิยม พร้อมข้อดีข้อเสีย และข้อควรระวังเมื่อกินหม้อไฟ

02 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 03:26 น.    662

เวลาที่ควรเปลี่ยนตะเกียบ? แนะนำ 4 ประเภทตะเกียบยอดนิยม พร้อมข้อดีข้อเสีย และข้อควรระวังเมื่อกินหม้อไฟ

การใช้ตะเกียบในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องที่ธรรมดาสำหรับผู้คนในหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย ซึ่งตะเกียบมักถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับรับประทานอาหาร อย่างไรก็ตาม มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกและดูแลตะเกียบให้ปราศจากเชื้อโรคและสารพิษ เนื่องจากการเลือกวัสดุที่เหมาะสมและสามารถทำความสะอาดได้ง่ายเป็นวิธีที่สำคัญในการลดโอกาสในการเกิดการสะสมของแบคทีเรียหรือสารพิษต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

ตะเกียบมีหลากหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มาจากวัสดุที่แตกต่างกัน การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมสามารถช่วยป้องกันการเกิดสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ วัสดุที่พบเห็นบ่อยในตะเกียบ ได้แก่ ไม้ไผ่, ไม้ธรรมชาติ, สแตนเลส, และไฟเบอร์กลาส ด้วยเหตุนี้ การเลือกวัสดุตะเกียบและการทำความสะอาดจึงเป็นส่วนสำคัญที่ควรให้ความสำคัญ

ตะเกียบไม้และไผ่เป็นประเภทที่นิยมใช้ในบ้านเรือน โดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอาหารจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ไทเป ได้ชี้ให้เห็นว่าตะเกียบประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะมีเชื้อราเกาะติดได้ง่าย ดังนั้น บางครั้งตะเกียบไม้หรือไผ่มักจะมีการทาสีเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา อย่างไรก็ตาม เมื่อสีเกิดการหลุดลอก โดยเฉพาะที่ปลายตะเกียบ ซึ่งมักจะเป็นจุดที่สีหลุดออกเร็วที่สุด เชื้อราก็อาจจะเกิดขึ้นได้ทันทีเมื่อมีการใช้งาน และควรเปลี่ยนตะเกียบทันทีเมื่อเริ่มมีการสึกหรอ

ตะเกียบสแตนเลสได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน หลายคนเชื่อว่าตะเกียบสแตนเลสจะไม่เสื่อมสภาพและเป็นมิตรกับสุขภาพ แต่ข้อเท็จจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป จากรายงานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อาจารย์วิชาวิทยาศาสตร์อาหาร สังกัดมหาวิทยาลัยมหาสมุทร ได้แนะนำว่า เวลาซื้อชุดเครื่องใช้ภายในบ้าน ควรเลือกตะเกียบสแตนเลสที่มีรหัสต่อเนื่องที่เริ่มต้นด้วยหมายเลข 3 อย่างเช่น 304 หรือ 316 โดยเฉพาะวัสดุ 316 จะทนทานกว่า 304 ตะเกียบสแตนเลสมีพื้นผิวที่เรียบ ทำให้แบคทีเรียจับติดได้ยาก อย่างไรก็ตาม แนะนำให้เปลี่ยนตะเกียบทุก 3-4 ปี และหากมีการเปลี่ยนแปลงหรือบิ่นควรเปลี่ยนทันทีเพราะอาจเกิดสนิมได้

ตะเกียบที่ทำจากวัสดุชนิดอื่น เช่น เมลามีน หรือพลาสติก เป็นที่นิยมในร้านอาหารและกาแฟ เนื่องจากมีราคาถูกและสามารถทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนหนึ่งของข้อเสียของชนิดนี้ คือไม่ทนความร้อน จึงไม่ควรใช้ตะเกียบเหล่านี้ในการตักอาหารที่ร้อนจัด

นอกจากนี้ ตะเกียบผสมที่ผลิตจากโพลีเมอร์และไฟเบอร์กลาส เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นในตลาด ลักษณะเด่นคือความทนทานต่ออุณหภูมิสูงและไม่อาจมีการปลดปล่อยสารพิษเมื่อต้องเผชิญกับอุณหภูมิสูงด้วย อย่างไรก็ตาม คุณภาพของตะเกียบดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิตและความสามารถในการทนความร้อน

การเปลี่ยนตะเกียบบ่อย ๆ เป็นสิ่งสำคัญ แต่ระยะเวลาที่ควรเปลี่ยนก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้งาน หากตะเกียบเริ่มมีรอยแตก สึกหรอ หรือมีกลิ่นแปลก ๆ ก็ควรเปลี่ยน โดยทั่วไป ตะเกียบไม้และไผ่จะมีความเสี่ยงต่อการสะสมเชื้อโรคมากกว่าประเภทอื่น ๆ ดังนั้น ควรตรวจสอบและเปลี่ยนบ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากไม่ต้องการเปลี่ยนบ่อย ก็แนะนำให้เลือกใช้ตะเกียบสแตนเลสแทน

การทำความสะอาดและการเก็บรักษาตะเกียบอย่างถูกต้อง ช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกทางหนึ่ง โดยวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้องคือการใช้น้ำสบู่ร้อนหรือผงซักฟอกที่ไม่ทำลายพื้นผิวและควรให้ตะเกียบมีโอกาสในการแห้งในที่ ๆ อากาศถ่ายเทได้สะดวก

ขอบคุณข้อมูลจาก: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, มหาวิทยาลัยการแพทย์ไทเป