เคยสงสัยว่าควรเก็บหรือทิ้ง? นักจิตวิทยาชี้แนวทาง "การปลดปล่อยอย่างสบายใจ" ด้วย 2 คำถามสำคัญ

02 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 03:26 น.    558

เคยสงสัยว่าควรเก็บหรือทิ้ง? นักจิตวิทยาชี้แนวทาง "การปลดปล่อยอย่างสบายใจ" ด้วย 2 คำถามสำคัญ

ในช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน ประชาชนทั่วไปร่วมกันทำความสะอาดบ้านเพื่อเตรียมต้อนรับปีใหม่ แต่กับข้าวของเก่าที่สะสมมาจำนวนมาก เช่น ชุดนักเรียน สมุดบันทึก ของขวัญจากเพื่อน เสื้อผ้าและของเล่นเด็ก ทำให้หลายคนรู้สึกตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเก็บหรือทิ้งดี เพราะสิ่งของเหล่านั้นมีความหมายบางอย่างต่อใจเรา งานวิจัยจากนักจิตวิทยาคลินิกระบุว่า การจัดการสิ่งของอย่างมีประสิทธิภาพนั้นมีเทคนิค และสามารถใช้คำถามง่าย ๆ สองข้อเพื่อช่วยในการตัดสินใจก่อนจะทิ้งสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไป

ความยากในการตัดสินใจเกิดขึ้นกับสิ่งของมากมาย ตั้งแต่ชุดนักเรียนที่เคยใช้ หนังสือและของสะสม ที่ได้รับมาตลอดเวลา หรือแม้กระทั่งของเล่นและสิ่งของสำหรับเด็กที่เคยทำให้เรามีความสุข แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความหมายของสิ่งของเหล่านั้นอาจจะลดลงหรือเปลี่ยนไป ส่งผลให้การตัดสินใจว่าจะเก็บหรือต้องทิ้งมันออกไปอย่างไรเกิดความยากลำบากขึ้น

นายแพทย์ หวง หยูเซียง นักจิตวิทยาคลินิกจากโรงพยาบาลใหญ่หลินชี ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการให้คำปรึกษาทางจิตใจได้กล่าวว่า ชีวิตเรานั้นเป็นกระบวนการที่ไม่สิ้นสุดในการสะสมประสบการณ์และความรู้ สิ่งของที่เรามักสะสมไว้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตของเรา ความรู้สึกที่สิ่งของมีต่อเรา จึงทำให้เรามีความยากลำบากในการปล่อยวาง ส่งผลให้พื้นที่การใช้ชีวิตของเราถูกเต็มไปด้วยสิ่งของเหล่านั้น จึงจำเป็นต้องมีการจัดระเบียบเพื่อสร้างบรรยากาศที่สบายและไม่รู้สึกเครียด

ก่อนจะทำการทิ้งสิ่งของใด ๆ นั้น คุณควรถามตัวเองก่อนว่า "สิ่งของนี้ยังมีประโยชน์ในปัจจุบันหรือไม่?" หรือ "สิ่งของนี้เป็นสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ หรือเปล่า?" หากคำตอบคือไม่ การตัดสินใจทิ้งสิ่งของนั้นก็ถือเป็นความคิดที่มีเหตุผล ซึ่งการไตร่ตรองอย่างเป็นระบบจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจที่จะปล่อยสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไป

สำหรับบางคน เมื่อถึงเวลาที่จะต้องจัดการกับสิ่งของส่วนเกิน มักจะรู้สึกเสียดายในใจ หรือรู้สึกเสียดายและไม่อยากทิ้ง อย่างไรก็ตาม หวง หยูเซียง แนะนำว่า การตระหนักถึงความรู้สึกเหล่านี้อาจเปิดโอกาสให้เราได้สำรวจสิ่งที่เป็นต้นเหตุของความรู้สึกนั้น เช่น ความกลัวที่จะสูญเสียการเชื่อมโยงของความสัมพันธ์ หรือความรู้สึกไม่มั่นคงในตอนที่เคยมีสิ่งของมากมาย เป็นต้น

โดยการผ่านกระบวนการจัดการสิ่งของเหล่านี้ เราอาจเริ่มเข้าใจว่าเราแท้จริงต้องการสิ่งใด และไม่ต้องการสิ่งใดอีกต่อไป ทั้งนี้ จะนำไปสู่การหยุดคิดเกี่ยวกับการสะสมสิ่งของที่ไม่จำเป็น ซึ่งในการซื้อของในอนาคตเราจะเริ่มมีความคิดที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งของที่จะเข้ามาในชีวิต

การทำความสะอาดและการทำให้สิ่งของบรรเทาลงนั้นสามารถกลายเป็นวิธีการดำเนินชีวิตที่มีคุณค่า หากเราฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง แนวคิดเกี่ยวกับการตัดออก การทิ้ง และการปล่อยวางจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของนิสัยที่ทำให้ชีวิตของเราเต็มไปด้วยความสุขและพื้นที่ในการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น

ข้อมูลนี้ได้ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ uho.com.tw ซึ่งมีเป้าหมายในการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนในสังคม