02 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 03:25 น. 126
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2019 ผู้เขียนได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับผลกระทบด้านการรักษาของแสงอินฟราเรดไกล ว่าจริงหรือไม่ โดยมีผู้อ่านชื่อแจ็คตั้งคำถามเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2024 ว่า “ผลกระทบด้านการรักษาของแสงอินฟราเรดไกลเป็นเรื่องจริงหรือ?” ซึ่งในบทความดังกล่าวมีการกล่าวถึงแสงอินฟราเรดว่า แสงนี้โดยทั่วไปในทางการแพทย์ มักจะหมายถึงแสงอินฟราเรดใกล้ เคียง ซึ่งมักใช้ในกระบวนการฟื้นฟูที่เน้นการนำความร้อนเข้าถึงจุดที่ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการทำงานของแสงอินฟราเรดไกล ว่ามีอุณหภูมิเป็นศูนย์ และการรักษาโดยใช้แสงนี้ยังคงเป็นเรื่องที่ยังไม่เข้าใจชัดเจน โดยมีทฤษฎีบอกว่าอาจทำให้เกิดการสั่นสะเทือนกับเซลล์ ซึ่งนำไปสู่การส่งผ่านพลังงานไปยังเนื้อเยื่อลึกเพื่อสร้างผลทางการรักษา
ในวันที่ 13 ตุลาคม 2019 ผู้เขียนได้เผยแพร่บทความอีกหนึ่งฉบับเกี่ยวกับอุปกรณ์บำบัดด้วยคลื่นชั้นสูงหรือ Terahertz ที่ชี้ให้เห็นว่า การบำบัดด้วยแสงอินฟราเรดไกลมันคือการบำบัดด้วย Terahertz จริง ๆ ซึ่งการบำบัดแบบนี้อาจทำให้ผู้คนรู้สึกอุ่นขึ้น แต่คำกล่าวโฆษณาว่ามีประสิทธิภาพในการรักษตั้งแต่โรคทั่วไปไปจนถึงการฟื้นฟูร่างกาย จัดว่าเป็นการกล่าวอ้างที่เกินจริง
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจคือ ร่างกายของเรานั้นเป็นตัวสร้างแสงอินฟราเรดไกลตามธรรมชาติ โดยอุณหภูมิของร่างกายอยู่ในช่วงความยาวคลื่นของแสงนี้ ดังนั้นร่างกายไม่เพียงแต่สามารถดูดซับแสงอินฟราเรดไกล แต่ยังสามารถปล่อยแสงนี้ออกมาได้อีกด้วย มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าแสงอินฟราเรดไกล (Far Infrared Radiation - FIR) มีผลกระทบต่อร่างกายและมีการนำไปใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาอาการต่าง ๆ
วัสดุบางชนิดสามารถดูดซับและปล่อยแสงอินฟราเรดไกลได้ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เป็นสาเหตุที่มีการพัฒนาเส้นใยหรือต้นแบบผ้าที่มีคุณสมบัติในการปล่อยแสงอินฟราเรด ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุดังกล่าวก็จะสามารถดูดซับแสงที่ร่างกายปล่อยออกมาและส่งกลับไปยังผิวหนังได้
วัสดุที่นิยมในการผลิตเสื้อผ้าอินฟราเรดไกล ได้แก่ ไม้ไผ่ถ่าน, ผงมุก, และแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น ยิลแร่ (ZrC, SiC) และออกไซด์ต่าง ๆ เช่น แมกนีเซียม, เซอร์โคเนียม, อลูมิเนียม และอื่น ๆ วัสดุเหล่านี้มักจะถูกเพิ่มเข้าไปในผ้าโพลีเอสเตอร์, ไนลอน หรือผ้าฝ้ายผ่านกระบวนการเคลือบ, การพ่น, หรือการแช่
ดังนั้น คำถามของผู้อ่านแจ็คว่าวัสดุอินฟราเรดไกลช่วยเพิ่มความอบอุ่นหรือไม่ คำตอบคือ “จริง” แต่หากพิจารณาเพียงเฉพาะความอบอุ่นแล้ว จะมีใครลงทุนทั้งเวลาและเงินในการพัฒนาเส้นใยนี้หรือไม่ คำตอบคือ “ไม่” แน่นอน
เมื่อค้นหาคำว่า “Benefits of far-infrared clothing” จะพบกับคำกล่าวอ้างที่หลากหลายจากแหล่งข้อมูลออนไลน์ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการกีฬา, ช่วยให้การฟื้นฟูหลังออกกำลังกายเร็วขึ้น, และปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีข้อโต้แย้งในด้านการปรับปรุงการเผาผลาญและการลดน้ำหนัก
ถึงแม้จะมีการศึกษาที่เกี่ยวข้อง แต่การวิจัยที่แท้จริงที่พิสูจน์ได้มีเพียงไม่กี่กรณี ได้แก่ (1) การเพิ่มประสิทธิภาพในการกีฬา, (2) การฟื้นฟูหลังการออกกำลังกาย และ (3) การปรับปรุงการนอนหลับ ซึ่งในการศึกษาทุกกรณีก็มีขนาดกลุ่มตัวอย่างค่อนข้างเล็ก จนไม่สามารถสรุปข้อสรุปชัดเจนได้
การวิจัยในปี 2015 พบว่าการสวมเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุที่ปล่อยแสงอินฟราเรดช่วยลดการบริโภคออกซิเจนของนักกีฬาขณะออกกำลังกายแบบ ต่ำสุด (Submaximal Exercise) และการศึกษาในปี 2018 ได้แสดงให้เห็นว่าผ้าปูที่นอนที่ปล่อยแสงอินฟราเรดมีผลเชิงบวกต่อการนอนหลับสำหรับผู้เข้าร่วมในการทดลองเป็นอย่างมาก
ในปี 2021 มีการศึกษาที่กล่าวถึงการใช้เสื้อผ้าที่ปล่อยแสงอินฟราเรดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการฟื้นฟูในกีฬา โดยทางผู้วิจัยได้สรุปว่ามีการศึกษาอย่างจำกัดที่มีผลต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการกีฬาและการฟื้นฟู แต่ผลลัพธ์ที่ได้ในช่วงต้นยังแสดงว่าเสื้อผ้าที่ปล่อยแสงอินฟราเรดอาจมีประโยชน์ต่อการปรับอุณหภูมิของร่างกายและการไหลเวียนของเลือด
ในปี 2022 การทดลองในคลินิกเกี่ยวกับถุงมือและถุงน่องที่ทำจากวัสดุที่ปล่อยแสงอินฟราเรด รายงานว่าไม่มีความแตกต่างทางสถิติที่มีนัยสำคัญเนื่องจากขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่เล็กและความแปรปรวนของข้อมูล
ในท้ายที่สุด คำแนะนำให้ผู้บริโภคต้องการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนการซื้อเพื่อลดการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งแนะนำให้ทั้งผู้ผลิตและผู้ใช้งานมีการศึกษาและทำความเข้าใจในข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างรอบคอบ โดยทุกครั้งควรพิจารณาจากข้อมูลที่เชื่อถือได้ก่อนการตัดสินใจใช้งาน
ข้อมูลจากแหล่งข่าว: udn