01 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 23:08 น. 528
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว อาการหายใจไม่สะดวก เจ็บคอ และไอ กลายเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ แต่บางคนอาจตั้งคำถามว่าผลที่ได้เป็นเพียงอาการไข้หวัดธรรมดาหรือว่าเป็นไข้หวัดใหญ่กันแน่? ผู้เชี่ยวชาญชี้ชัดว่าสองโรคนี้มีอาการที่คล้ายคลึงกัน แต่ยังมีความแตกต่างที่สำคัญที่ช่วยให้เราสามารถแยกแยะได้
อาการของไข้หวัดนั้นมักเกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Rhinovirus ทำให้มีอาการที่เน้นไปที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น หายใจลำบาก ไอ และเจ็บคอ ในทางตรงกันข้าม ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเกิดจากเชื้อ Influenza virus จะมีอาการที่รุนแรงกว่า เช่น ไข้สูง ปวดตามเนื้อร่างกาย และหนาวสั่น และในบางกรณีอาจมีอาการทางระบบทางเดินอาหารร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้และท้องเสีย
ศาสตราจารย์ Ron Eccles ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับไข้หวัดจากมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ได้อธิบายว่า “อาการไข้หวัดใหญ่นั้นไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน แต่ยังส่งผลกระทบต่อร่างกายส่วนอื่น ๆ ทำให้คนไข้รู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก” นอกจากนี้ เขายังเตือนว่าหากเกิดการติดเชื้อแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ อาจส่งผลถึงชีวิต โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
เพื่อตรวจสอบความแตกต่างระหว่างไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ มีสี่ปัจจัยหลักที่ควรพิจารณา:
1. การเกิดอาการและระยะเวลา: อาการไข้หวัดใหญ่จะเริ่มเกิดทันทีและมักจะกินเวลาหลายวันถึงหนึ่งสัปดาห์ ในขณะที่ไข้หวัดมักจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ
2. การมีไข้: ไข้หวัดใหญ่มักมีไข้สูงเป็นส่วนหนึ่งของอาการ ในขณะที่ไข้หวัดจะมีไข้น้อยกว่าหรือไม่ปรากฏ
3. อาการทั่วร่างกาย: ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มักจะรู้สึกถึงอาการเจ็บปวดทั่วร่างกายและความอ่อนเพลีย ในขณะที่ไข้หวัดจะมีผลกระทบต่อเฉพาะส่วนหัวและลำคอ
4. ปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร: อาการคลื่นไส้หรือท้องเสียมักพบได้บ่อยในไข้หวัดใหญ่มากกว่าไข้หวัด
ข้อมูลจากสำนักงานความปลอดภัยด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักรเปิดเผยว่าในช่วงเวลาหลังนี้มีการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่และอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รักษานิสัยด้านสุขอนามัยที่ดี เช่น ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย และทำให้สถานที่มีอากาศถ่ายเท เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของไวรัส สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์เข้ารับวัคซีน การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะเป็นวิธีที่สำคัญในการป้องกัน
ดร. Jamie Winn ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ได้เตือนว่า “การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องตนเอง แต่ยังลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อไปยังครอบครัวและชุมชน”
ในปัจจุบันยังไม่มียาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ แต่เราสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยวิธีดังนี้:
การพักผ่อนอย่างเพียงพอและดื่มน้ำมากๆ: ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
การใช้ยาที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์: เช่น ยาแก้ปวด ยาลดไข้ และยาละลายเสมหะที่สามารถช่วยบรรเทาอาการ
หลีกเลี่ยงการทำงานหนักและการดื่มแอลกอฮอล์: เพื่อรักษาสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน
เมื่อใดควรไปพบแพทย์? หากอาการไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่คงอยู่เกินหนึ่งสัปดาห์หรือลงลึกถึงไข้สูงหรือหายใจลำบาก ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุ ทารก และกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว การหมั่นเข้ารับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องสุขภาพของคุณ
ไม่ว่าคุณจะเผชิญกับไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ การรู้จักแยกแยะอาการและการดำเนินการที่เหมาะสม จะช่วยให้เราสามารถรักษาสุขภาพให้ดีในฤดูหนาวนี้และห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ
ข้อมูลจาก: เว็บไซต์ข่าวสารสุขภาพ Daily Mail