01 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 23:03 น. 404
จากการพยากรณ์อากาศของสำนักงานอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า เมฆหนาวจากภูมิภาคจีนได้เริ่มทยอยเคลื่อนตัวลงใต้ ส่งผลให้สภาพอากาศทั่วไต้หวันมีอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะมีการส่งกระทบต่ออากาศหนาวนี้ต่อไปอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ โดยเฉพาะการที่อุณหภูมิลดต่ำลงอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
ในเรื่องนี้ คุณหมอเฉินเทียนซิน จากสาขาอาชีวเวชศาสตร์และจังหวะหัวใจของโรงพยาบาลฉางกงในอำเภอจิ่นหลิง เผยว่า การลดลงของอุณหภูมิจะทำให้หลอดเลือดหดตัว ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของความดันเลือด ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคหัวใจ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และโรคหลอดเลือดสมองได้
หมอเฉินยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่เกิดขึ้นอาจทำให้ความดันเลือดไม่คงที่ ดังนั้นจึงควรมีการป้องกันเป็นพิเศษ เช่น การสวมถุงมือ ถุงเท้า หมวก และผ้าพันคอ ในช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ควรดื่มน้ำอุ่นให้เพียงพอเพื่อป้องกันการหนืดของเลือดที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ อาหารในฤดูหนาวมักจะมีไขมันและรสชาติเข้มข้น ซึ่งการรับประทานโซเดียมในปริมาณมากก็อาจทำให้ความดันเลือดสูงขึ้นได้
กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการโดยคุณโจวหยวนฟาง หัวหน้าฝ่ายป้องกันและควบคุมโรคเรื้อรัง ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนระมัดระวังเมื่อเผชิญกับอากาศหนาว โดยกล่าวว่าการมาถึงของมวลอากาศเย็นและความแตกต่างของอุณหภูมิอาจเพิ่มภาระให้กับระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้โรคประจำตัวแย่ลง หากต้องออกไปข้างนอกในช่วงหนาวจัด ควรหลีกเลี่ยงการออกไปในช่วงเช้าตรู่และตอนเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่มีอุณหภูมิต่ำที่สุดและมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากหัวใจวายมากที่สุด
ตามข้อมูลการสถิติจากกระทรวงสาธารณสุขในปี 2023 ที่เผยแพร่เกี่ยวกับสาเหตุการตายของประชาชน พบว่า โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองมีอันดับที่ 2 และ 4 ตามลำดับ สร้างผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชีวิตประชาชนกว่า 36,000 ราย โดยเฉพาะในช่วงที่อุณหภูมิหนาวจัดและมีความชื้นสูง ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน รวมถึงผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุดในช่วงนี้
เพื่อช่วยในการดูแลสุขภาพ คำแนะนำจากคุณโจวหยวนฟาง ในการดูแลหัวใจและสมองเมื่อออกไปข้างนอกมีดังนี้
1. ปรับเวลาออกไปข้างนอก: ควรหลีกเลี่ยงการออกไปในช่วงเช้าตรู่และตอนเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำ ควรออกไปเป็นกลุ่มเพื่อช่วยดูแลกัน
2. สวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสม: ควรเพิ่มจำนวนเสื้อผ้าเมื่ออากาศหนาว โดยเฉพาะบริเวณศีรษะและแขนขา ให้ระวังการสวมเสื้อผ้าที่หนาเกินไปซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการล้ม
3. เติมน้ำให้เพียงพอ: ในอากาศเย็น ร่างกายยังสูญเสียน้ำอยู่ หากขาดน้ำอาจเพิ่มความหนืดของเลือดและเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด ควรดื่มน้ำอุ่นเป็นประจำทุก 15 นาที โดยประมาณ 200-300 มิลลิลิตร และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง คาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์
4. สังเกตอาการหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง: หากมีอาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก หรือรู้สึกมึนงง ควรโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินทันทีเพื่อรับการรักษาให้ทันเวลา
นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำในการตรวจวัดความดันโลหิตทุกปีสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และขอแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงทำการวัดความดันโลหิตทุกวันในช่วง 7 วัน โดยวัดทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ดังนี้เพื่อมีข้อมูลความดันโลหิตที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการความดันโลหิต