ทำความเข้าใจวิตามิน: 12 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการกินสลัดและผลไม้ในมื้อเย็น

01 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 23:03 น.    581

วิตามินเป็นสารสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติ โดยแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ นั่นคือ วิตามินที่ละลายในไขมันและวิตามินที่ละลายในน้ำ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและสุขภาพจากญี่ปุ่น รวมถึงศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การอาหารคุณคาโนะ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ กุมารแพทย์อาคิระ อิชิชิ และศัลยแพทย์ตกแต่งฮิโรโกะ โอโนชิ ได้มาชี้แจงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อผิดพลาดที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิตามินในชีวิตประจำวัน

ข้อเข้าใจผิดแรกเกี่ยวกับการบริโภควิตามิน คือ การทานสลัด 350 กรัมต่อวันเพียงพอต่อความต้องการวิตามินทั้งหมด ซึ่งจริงๆ แล้ว บางวิตามิน เช่น วิตามินบี 12 ที่สำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง ไม่สามารถพบได้ในพืชผักเท่านั้น จึงต้องมีการบริโภคเนื้อสัตว์และปลาเข้าสู่ร่างกายอย่างสมดุล

ข้อเข้าใจผิดที่สองคือ การลดน้ำหนักโดยการหลีกเลี่ยงไขมันและคิดว่าสามารถได้รับวิตามินจากสลัดเพียงอย่างเดียว อันที่จริงแล้ว หากไม่มีไขมันเพียงพอ ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันได้ เช่น วิตามินเอและวิตามินดี ซึ่งการบริโภคผักหลายๆ ชนิดร่วมกับไขมันที่ดีจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเหล่านี้ได้ดีขึ้น

ข้อเข้าใจผิดที่สามคือ การต้มผักทำให้สูญเสียน้ำหนักทางโภชนาการ วิตามินที่ละลายน้ำอาจจะละลายออกมาในน้ำขณะต้ม แต่สารอาหารเหล่านี้ยังคงมีอยู่อย่างครบถ้วน รวมถึงการใช้ซุปจากการต้มน้ำผักที่สามารถช่วยให้เราดูดซึมสารอาหารได้โดยไม่สูญเสีย

ข้อเข้าใจผิดต่อไปคือ ความเชื่อที่ว่าไมโครเวฟทำลายวิตามินในอาหาร ไม่เป็นความจริง เนื่องจากการใช้ไมโครเวฟในการปรุงอาหารบางครั้งอาจเก็บรักษาสารอาหารได้ดีกว่าการต้ม ยกตัวอย่างการใช้หม้อหุงข้าวหรือการนึ่ง ซึ่งจะไม่ต้องใช้น้ำที่จะทำให้สูญเสียน้ำวิตามิน

หลายคนอาจมีความคิดว่า ผักแช่แข็งจะสูญเสียความสดใหม่และวิตามินไป แต่ในความเป็นจริง การแช่แข็งผักในสภาพสดทำให้สามารถรักษาความสดและสารอาหารที่มีอยู่ได้ โดยเฉพาะกระบวนการแช่แข็งจะช่วยทำลายโครงสร้างของเซลล์ ทำให้การทำอาหารใช้เวลาน้อยลง

อีกข้อเท็จจริงที่น่าสนใจคือ การบริโภควิตามินเสริมมีความเสี่ยง และวิตามินส่วนเกินไม่ได้มีผลดีต่อสุขภาพ รูปแบบการรับประทานอาหารทั่วไปเพียงพอสำหรับวิตามินที่เราต้องการ โดยเฉพาะวิตามินเอที่หากทานมากเกินไปจะมีผลกระทบต่อสุขภาพได้

นอกจากนี้ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการบริโภคแครอทดิบ โดยทั่วๆ ไป แครอทที่ไม่ปรุงอาจมีวิตามินเอสูง แต่หากปรุงสุกด้วยน้ำมันจะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น เหตุผลคือ β-Carotene จะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอ จำเป็นต้องใช้น้ำมันเพื่อเพิ่มการดูดซึม

การได้วิตามินดีจากการสัมผัสแสงแดดในเวลากลางวันเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม หากนอนอยู่ในบ้านหรือใต้แสงแดดผ่านกระจก อาจไม่ได้รับประโยชน์เนื่องจากกระจกจะป้องกันรังสี UVB ซึ่งจำเป็นสำหรับการผลิตวิตามินดีในร่างกาย

หลายคนยังมีความเชื่อว่าการบริโภคผลไม้ในเวลากลางคืนจะให้ประโยชน์ทางโภชนาการมากกว่า แต่ความจริงแล้ว การทานผลไม้ในช่วงเช้าถือเป็นเวลาที่ดีที่สุด เพราะร่างกายมีแนวโน้มที่จะดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้นในช่วงนั้น และช่วยป้องกันปัญหาผิวจากการสัมผัสกับ UV ในช่วงกลางวัน

วิตามินซีเป็นสารอาหารที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอว่าวิตามินซีจะสามารถป้องกันหรือรักษาไข้หวัดได้ แต่อย่างไรก็ตาม การบริโภคสามารถช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน

นอกจากนี้ ประชาชนมักคิดว่าชื่อเสียงของมะนาวคือแหล่งวิตามินซีที่ดีที่สุด แต่จริงๆ แล้ว พริกหวาน (Bell Pepper) และพริกเขียว (Green Pepper) มีวิตามินซีมากกว่ามะนาว ซึ่งควรได้รับความสนใจมากกว่า

สุดท้ายนี้ หลายคนอาจคิดว่าความสามารถในการดูดซึมวิตามินจะลดลงตามอายุ แต่ในความเป็นจริง วิตามินบี 12 เป็นข้อยกเว้นที่มีอัตราการดูดซึมลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หากร่างกายขาดวิตามินบี 12 ก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อม ซึ่งควรต้องใส่ใจถึงการบริโภควิตามินชนิดนี้อย่างใกล้ชิด

ข้อมูลจากแหล่งข่าว / WOMEN SEVEN PLUS