28 มกราคม 2568 เวลา 12:49 น. 908
เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา พล.ต.ท.ได เรืองจิตร ผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านเทคโนโลยีและอาชญากรรม ได้เป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารระดับสูงในการต้อนรับคณะผู้แทนจากกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของประเทศจีน นำโดยนายหลิว จงอี้ รองรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ พร้อมด้วยทีมงานจำนวน 15 คน การพบปะครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหากลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมในพื้นที่มูยะวดี ประเทศเมียนมา โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายข้ามชาติ
ในช่วงท้ายของการพูดคุย ทางจีนได้แสดงความต้องการที่จะร่วมมือกับตำรวจไทยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และได้เสนอแนวทางปฏิบัติที่เฉพาะเจาะจงจำนวน 6 ข้อ เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการร่วมกัน
1. การปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมมูยะวดี: ทางจีนจะจัดให้มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของกลุ่มอาชญากรรม โดยเฉพาะการที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ รวมถึงขอความช่วยเหลือจากฝ่ายไทยในการจับกุมหัวหน้ากลุ่มที่หลบซ่อนอยู่ในประเทศไทย
2. การเร่งรัดคดี "วังซิง": ทางจีนได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะช่วยจับกุมผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ที่ยังหลบหนีอีกกว่า 20 คน และจะส่งตัวกลับประเทศจีนเพื่ออในกรณีนี้ ขอบคุณตำรวจไทยที่ช่วยเหลือในกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย
3. การให้ความช่วยเหลือบุคคลถูกกักขัง: ทางจีนขอให้ไทยใช้เทคโนโลยีในการยืนยันตัวตนของผู้ที่ถูกกักขังในเมียนมา และดำเนินการเพื่อให้เขาเหล่านั้นได้รับการปล่อยตัวโดยเร็ว พร้อมทั้งเชิดชูการตัดไฟจากมูยะวดีของไทย
4. การปิดช่องทางการลักลอบ: เสริมสร้างการควบคุมต่อการลักลอบขนอัคนีและสินค้าเพื่อลดพื้นที่การทำงานของกลุ่มอาชญากรรม
5. การเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมาย: วางแผนตั้งศูนย์ประสานงานร่วมระหว่างจีนและไทยในการปราบปรามอาชญากรรม
6. การเพิ่มประสิทธิภาพการจับกุม: โดยใช้กลยุทธ์ปฏิบัติงานที่รวดเร็วเพื่อบรรเทาความวิตกกังวลของนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับความปลอดภัยในประเทศไทย และสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนระหว่างประเทศ
พล.ต.ท.ได เรืองจิตร ได้เสนอแนวทางการทำงานร่วมกันอีก 4 ข้อจากมุมมองของไทย
1. การจัดตั้งกลุ่มทำงานร่วม: เพื่อแชร์ข้อมูลและรูปแบบพฤติกรรมของอาชญากรรมออนไลน์ระหว่างศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ของไทยและกรมตำรวจจีน
2. การปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ: ขอให้จีนช่วยในการดำเนินการพิเศษต่อหัวหน้ากลุ่มอาชญากรรมที่เป็นชาวจีนและพันธมิตรที่เป็นชาวไทย
3. การควบคุมการไหลออกของทรัพย์สิน: อาชญากรรมมักจะใช้การแปลงเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัลเพื่อนำเงินออกนอกประเทศไทย ไทยหวังว่าจีนและไทยจะสามารถแชร์ข้อมูลเพื่อป้องกันการไหลออกของเงิน
4. การจัดการประชุมประจำภูมิภาค: แนะนำให้จีนเป็นผู้นำในการประชุมร่วมที่รวบรวมประเทศเมียนมา ลาว กัมพูชา และไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมหลอกลวงในระยะยาว
พล.ต.ท.ได เรืองจิตรได้แสดงความขอบคุณต่อความช่วยเหลือและข้อมูลที่จีนได้มอบให้เกี่ยวกับกลุ่มอาชญากรรม โดยเขาชี้ว่า ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งและตำรวจไทยจะแสดงความรวดเร็วในการดำเนินการตามข้อเสนอที่เสนอโดยจีน รวมถึงการตัดสัญญาณและการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือ
นายหลิว จงอี้ยังได้เน้นย้ำว่าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ของไทยมีบทบาทสำคัญในการปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมมูยะวดี พร้อมเผยว่า ขณะนี้พบกลุ่มอาชญากรชาวจีนที่ยังคงมีความเคลื่อนไหวอยู่ 36 กลุ่ม โดยมีประชาชนกว่า 100,000 คนเกี่ยวข้อง ซึ่งพฤติกรรมอาชญากรรมนี้ได้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในระดับโลกอย่างรุนแรง นายหลิวยังได้แสดงความกังวลว่า “วังซิง” ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจากจีนเกี่ยวกับความปลอดภัยในไทย แต่ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ระหว่างประเทศของไทยและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกด้วย
เขายังได้ยกย่องข้อเสนอการทำงานร่วมกันของฝ่ายไทยและชี้ให้เห็นว่าอาชญากรรมที่เกิดขึ้นทั่วโลกส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจนับหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ การประชุมครั้งนี้ทำให้เขาเห็นถึงความเชี่ยวชาญและทัศนคติที่เป็นจริงของตำรวจไทยในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ เขาหวังว่าโดยการทำงานร่วมกันระหว่างจีนและไทย จะสามารถสร้างรูปแบบที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับอาชญากรรมในระดับสากล
ความสำเร็จของการเจรจาครั้งนี้ได้เปิดประตูให้กับความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในด้านการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในระยะต่อไป โดยทั้งสองฝ่ายต่างมีความมั่นใจในแนวทางการดำเนินงานในอนาคต