26 มกราคม 2568 เวลา 14:39 น. 462
เมื่อวันที่ 20 ถึง 24 มกราคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้นำคณะผู้แทนประเทศไทยเดินทางไปร่วมการประชุมประจำปี 2025 ของ World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยในระหว่างการเดินทางดังกล่าว รัฐบาลไทยได้จัดกิจกรรมเพื่อแสดงถึงพลังอ่อน (Soft Power) และภาพลักษณ์ของประเทศ รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับผู้นำจากหลากหลายประเทศและองค์กรธุรกิจที่สำคัญทั่วโลก คาดหวังว่าในอนาคตประเทศไทยจะยังคงเพิ่มขีดความสามารถในการร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ และภาคธุรกิจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ในทริปการเดินทางไปดาวอสครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีประยุทธ์มีตารางงานหลักที่น่าสนใจดังนี้:
– กิจกรรม “Thailand Reception”: นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ภายใต้หัวข้อ “พลังอ่อนของประเทศไทย” เพื่อโปรโมทเสน่ห์ทางวัฒนธรรมและศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงสภาพแวดล้อมการลงทุนระหว่างประเทศ;
– เป็นพยานในการลงนามความร่วมมือ FTA: ได้มีการลงนามข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างประเทศไทยและสมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค;
– การสัมมนาในหัวข้อ “การรักษาความได้เปรียบของ Soft Power”: นายกรัฐมนตรีมีการกล่าวถึงความสำคัญของการสร้างสรรค์ การส่งออกวัฒนธรรม และการพัฒนาที่ยั่งยืนในการเสริมสร้างพลังอ่อนของชาติ โดยมีการส่งเสริม 13 อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย;
– การสนทนาด้านกลยุทธ์ชาติ: นำเสนอแผนยุทธศาสตร์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย พร้อมกับเสนอแนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและความร่วมมือในระดับภูมิภาค
นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้นำประเทศต่าง ๆ และบุคคลสำคัญเพื่อสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือที่มั่นคง:
– พบประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือด้านการตรวจสอบชายแดนและการขนส่ง;
– พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีอาร์เมเนียเพื่อผลักดันการเริ่มต้นการเจรจา FTA ระหว่างไทยและอาร์เมเนีย สร้างความสนิทสนมในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ;
– มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ Klaus Schwab ผู้ก่อตั้งและประธาน World Economic Forum เกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือ รวมถึงแผนการจัดการประชุมพิเศษในประเทศไทย;
– เจรจากับ Mohamed Yunus ที่ปรึกษาใหญ่ของรัฐบาลบังกลาเทศ เพื่อส่งเสริมการค้าขายและการลงทุนระหว่างกัน;
– สุดท้าย พบกับผู้นำจากสวีเดน โคโซโว มอนเตเนโกร ภูฏาน และผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำทั้ง Grab และ PepsiCo เป็นต้น
นอกจากนั้น การสนทนากับบริษัทชั้นนำจากทั่วโลกยังเปิดโอกาสในการดึงดูดการลงทุนและเทคโนโลยีใหม่มา relevant กับประเทศไทย:
– DP World (Dubai Ports World): มีการหารือเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้;
– Nestlé: เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย;
– Bayer AG: พูดคุยเกี่ยวกับแผนความร่วมมือในด้านเกษตรกรรมและสุขภาพ;
– Salesforce: มุ่งเน้นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและข้อมูล;
– Amazon Web Services: สนับสนุนการนำเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้ในประเทศไทย;
– Google: สำรวจโอกาสในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย;
– Coca-Cola: สนทนาเกี่ยวกับเศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาที่ยั่งยืน;
– AstraZeneca: พิจารณาความร่วมมือในด้านโรคไม่ติดเชื้อ;
– SUNTORY: เชิญชวนในการลงทุนในอุตสาหกรรมพลาสติกเพื่อสิ่งแวดล้อม
(แปลโดย: KA; แหล่งที่มา: thaigov)