26 มกราคม 2568 เวลา 10:37 น. 293
รายงานจากบริษัท คูชแมน & เวคฟิลด์ วันที่ 26 มกราคม พบว่า จำนวนของนักศึกษาเชื้อสายจีนที่เข้าศึกษาใน 20 มหาวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นั่นทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์รอบมหาวิทยาลัยได้รับประโยชน์ จนกลายเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจสำหรับการซื้อและเช่าที่พักอาศัย โดยนักลงทุนจากประเทศจีนไม่เพียงแค่เข้ามาทำธุรกิจในไทย แต่ยังมีความสนใจในการศึกษาเล่าเรียนของบุตรหลาน ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จากการสำรวจของคูชแมน & เวคฟิลด์ พบว่านักศึกษาเชื้อสายจีนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยจำนวน 28,052 คน คิดเป็นร้อยละ 77 ของนักศึกษาต่างชาติทั้งหมดที่มาจากประเทศจีนในไทย โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพที่มีจำนวนนักเรียนจีนสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 17 ของนักเรียนทั้งหมด นอกจากนี้ จำนวนมากของนักศึกษาเหล่านี้ยังตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และพื้นที่โดยรอบ ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยในพื้นที่อื่น ๆ ของไทยเช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม จะมีจำนวนนักเรียนจีน แต่จำนวนก็ยังน้อยกว่ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ
การเข้ามาลงทุนของจีนในภาคการศึกษาของไทยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2017 โดยมีการเข้าซื้อกิจการ 3 มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยนานาชาติศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งส่งผลให้จำนวนของนักศึกษาเชื้อสายจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพมีนักศึกษาเชื้อสายจีน 4,670 คน คิดเป็นร้อยละ 71 ของนักเรียนทั้งหมด ขณะที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดมีนักเรียนจีนจำนวน 1,101 คน หรือประมาณร้อยละ 27 และที่มหาวิทยาลัยนานาชาติศรีนครินทรวิโรฒ จำนวนของนักเรียนจีนมีสูงถึง 863 คน คิดเป็นร้อยละ 79 นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และมหาวิทยาลัยปอเน่ ที่มีเปอร์เซ็นต์นักศึกษาเชื้อสายจีนสูงถึง 23% และ 16% ตามลำดับ
การเข้ามาของนักเรียนต่างชาติส่งผลให้เกิดความต้องการที่พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียงมหาวิทยาลัยมากขึ้น นักลงทุนจีนที่มีฐานะดีมักเลือกที่จะซื้อหรือเช่าคอนโดมิเนียม แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีในตลาดอสังหาริมทรัพย์ใกล้มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีคอนโดที่เป็นที่นิยม เช่น คอนโดที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพซึ่งมีการขายมาเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากความสะดวกในการเดินทางไปยัง BTS และ MRT ยอดขายคอนโดในพื้นที่นี้เกือบ 95% จากจำนวนทั้งหมด 13,209 ยูนิต และราคาอยู่ที่ประมาณ 65,000 บาทต่อตารางเมตร
ในขณะที่มหาวิทยาลัยปอเน่ แม้จะไม่มีสาย BTS หรือ MRT แต่ก็สามารถเดินถึงสถานีได้อย่างไม่ไกล ส่งผลให้มีโครงการคอนโดมากมายในพื้นที่นี้ ยอดขายอยู่ที่ 6,039 ยูนิต และอัตราการขายอยู่ที่ 98% ราคาอยู่ที่ประมาณ 64,000 บาทต่อตารางเมตร
ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แม้จะอยู่ห่างกว่า พื้นที่การเดินทางยังไม่สะดวกเท่าที่อื่น แต่ก็มีนักลงทุนในคอนโดอยู่จำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีการขายคอนโด 2,619 ยูนิตและมีราคาเฉลี่ยประมาณ 50,000 บาทต่อตารางเมตร
ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นของนักศึกษาโดยเฉพาะนักเรียนจีน ทำให้มีการพัฒนาโครงการคอนโดใหม่ ๆ ในพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของนักศึกษาและครอบครัว ในกรุงเทพฯ นอกจากพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยในใจกลางเมืองแล้ว ตลาดคอนโดรอบนอกยังมีความต้องการสูงเช่นกัน นักเรียนมักจะมองว่าการซื้อคอนโดเป็นการลงทุนในอนาคต ซึ่งสามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อให้กับนักเรียนใหม่ได้ หลังจากที่นายทรัมป์เข้าสู่วงการ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นยุคทรัมป์ 2.0 ทำให้ นักลงทุนมีความสนใจมากขึ้น คาดการณ์ว่าทิศทางการลงทุนจากจีนในประเทศไทยจะยังคงมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน การที่พวกเขาส่งบุตรหลานมาที่ไทยศึกษา ก็จะยิ่งกระตุ้นความต้องการในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่อีกด้วย
(แปลโดย: KA ; แหล่งข่าว: thansettakij)