สำหรับผู้สูงอายุที่มีการเสื่อมสภาพทางร่างกายและภูมิคุ้มกันที่ลดลง การเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากการควบคุมการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้ว การออกกำลังกายก็มีบทบาทมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินในสระว่ายน้ำซึ่งนายฮิเดกิ วาตะ (Hideki Wada) แพทย์จิตเวชจากญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญในการวิจัยดูแลสุขภาพผู้สูงอายุได้แนะนำว่าเหมาะสมกว่าการเดินบนพื้นดิน เนื่องจากสระว่ายน้ำมีแรงลอยตัวที่ช่วยลดแรงกดทับต่อข้อกระดูก ทำให้ผู้สูงอายุสามารถออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัยขึ้น

นายวาตะเชื่อว่า ผู้สูงอายุควรมีความสุขกับการรับประทานอาหารที่ตนเองชื่นชอบ แทนที่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำเฉพาะ เช่น การรับประทานอาหารที่ถูกบอกว่าสุขภาพดี รวมถึงการหาทางหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ซ้ำซาก นั่นเป็นเพราะว่าการบริโภคอาหารชนิดเดียวกันในปริมาณมากอาจทำให้เกิดความแพ้เรื้อรัง และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดออกซิเดชันในร่างกาย จึงแนะนำให้ตอบสนองต่อความต้องการด้านโภชนาการของร่างกายเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

นายวาตะยังได้ชี้ให้เห็นว่า ผู้สูงอายุที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูงหรือเบาหวาน มักจะต้องใช้ยาต่อเนื่อง และการควบคุมอาหารที่เข้มงวดอาจทำให้ภูมิคุ้มกันที่มีอยู่ถูกลดทอน จึงมีโอกาสที่ร่างกายจะถูกไวรัสโดยเฉพาะโควิด-19 รวมถึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งได้ง่ายขึ้น

ในแง่ของการออกกำลังกายนั้น วาตะกล่าวถึงความสำคัญของการทำกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ แต่ต้องระวังไม่ให้มากเกินไป เนื่องจากการออกกำลังกายที่หักโหมอาจทำให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดการแก่เร็ว จากข้อมูลในยิมพบว่า กลุ่มผู้ใช้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีเป็นกลุ่มที่มีการใช้งานบ่อยที่สุด รองลงมาคือกลุ่มอายุ 70 ปี โดยเขายังเตือนว่าการใช้แรงมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่เอ็นได้

หากท่านต้องการไปออกกำลังกายในยิม นายวาตะแนะนำให้เลือกสถานที่ที่มีสระว่ายน้ำ แต่ควรให้ความสำคัญกับการเดินในน้ำเป็นหลัก ซึ่งมีประโยชน์หลายด้าน เช่น การลดแรงกดทับที่เข้าข้อเข่าและหลัง รวมถึงความเย็นจากน้ำยังช่วยกระตุ้นระบบการปรับอุณหภูมิในร่างกาย แถมยังช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานและทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

นายวาตะได้กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่าให้ความคิดเรื่องอายุเป็นอุปสรรคต่อการออกกำลังกาย โดยเขาเชื่อว่าผู้สูงอายุทุกคนควรได้มีโอกาสเพลิดเพลินกับการเดินในน้ำ หากไม่สะดวกที่จะแวะไปที่ยิม การเดินเล่นในช่วงบ่ายในแสงแดดก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีเช่นกัน ไม่เพียงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน แต่ยังช่วยให้ร่างกายผลิตเซโรโทนิน ซึ่งช่วยเพิ่มอารมณ์ให้สดใสและลดโอกาสในการเป็นโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย

ข้อมูลจาก: PRESIDENT Online