ผิวพรรณสดใสเริ่มต้นที่ลำไส้! แพทย์แนะนำ 5 กฎการกินเพื่อช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์

25 มกราคม 2568 เวลา 23:55 น.    178

 

การวิจัยทางการแพทย์ในยุคปัจจุบันได้เปิดเผยให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของลำไส้ต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการหลั่งฮอร์โมน รวมถึงการทำงานของสมอง จึงทำให้ลำไส้ได้รับฉายาว่าเป็น "สมองที่สอง" ทางด้านการแพทย์ ดร.โอชิโคบายาชิ (Akiko Kobayashi) แพทย์หญิงผู้บริหารคลินิกคาบายาชิในโตเกียว ได้กล่าวว่า สุขภาพของลำไส้ยังมีผลต่อสภาพผิวหนังของเราอีกด้วย เธอจึงได้แชร์ห้าหลักการในการบริโภคอาหารประจำวัน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในระบบทางเดินอาหารให้มีสุขภาพดี แต่ยังช่วยรักษาความอ่อนเยาว์ของผิวได้อีกด้วย

หลักการแรกคือการเพิ่มปริมาณเส้นใยอาหารในมื้อเช้า อาหารแบบญี่ปุ่นที่มีอยู่ในมื้อเช้า เช่น ข้าว, ซุปมิโซะ และนัตโตะ ล้วนมีเส้นใยอาหารสูง นอกจากนี้การเพิ่มผลไม้ตามฤดูกาลลงในมื้อเช้าจะช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย ควรให้ความสำคัญกับการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดแม้ว่าเราจะมีเวลาน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการย่อยอาหารไม่ดี

หลักการที่สองคือการบริโภคอาหารที่ผ่านการหมัก ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนจุลชีพที่ดีในลำไส้ อาหารหมัก เช่น ซุปมิโซะ, นัตโตะ, ผักดอง (Kimchi) และโยเกิร์ต สามารถเติมเต็มจุลินทรีย์ดีในระบบทางเดินอาหารได้ ดร.โคบายาชิยังแนะนำว่าเธอเองมีความเคยชินในการดื่มซุปมิโซะเป็นประจำ และในบางครั้งเมื่อรับประทานอาหารแบบตะวันตก เธอจะเติมมิโซะลงในน้ำสลัดหรือน้ำจิ้ม

ภาพที่แสดงถึงการแนะนำให้เพิ่มเส้นใยอาหารและจุลินทรีย์ในอาหารประจำวันเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น การรักษาสภาพผิวที่อ่อนเยาว์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน

หลักการที่สามคือการเลือกทานขนมที่ต้องเคี้ยวอย่างดี หลายคนมีนิสัยในการขบเคี้ยวขนมระหว่างมื้อ หากรู้สึกหิวระหว่างมื้ออาหาร สามารถเลือกทานขนมที่มีลักษณะเหนียว เช่น ถั่วเปลือกแข็ง, ผักผลไม้แห้ง หรือการเพิ่มเจลาตินซึ่งมีโปรตีนลงในน้ำผลไม้เพื่อทำเป็นของหวาน โดยแพทย์ระบุว่า การเคี้ยวสามารถช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานได้ดีขึ้น และเมื่อรู้สึกเหนื่อยจากการทำงาน การวนเวียนการเคี้ยวอาหารช่วยให้กลับมามีสมาธิอีกครั้ง

หลักการที่สี่คือการคำนึงถึงการบริโภคอาหารให้มีความหลากหลายตลอดทั้งวัน แทนที่จะมุ่งเน้นที่ความหลากหลายเพียงมื้อเดียว เนื่องจากการรักษาสมดุลทางโภชนาการตลอดทั้งวันนั้นทำได้ง่ายกว่า เช่น หากมื้อเช้าหรือมื้อกลางวันมีเส้นใยอาหารแต่ขาดโปรตีน ในมื้อค่ำควรเพิ่มการรับประทานเนื้อหรือปลาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางโภชนาการ

หลักการสุดท้ายคือการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น การใช้เวลาร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูงในการรับประทานอาหารไม่เพียงแต่สร้างความสัมพันธ์ที่ดี แต่ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข เช่น เซโรโทนิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มอารมณ์บวกให้แก่เรา ดร.โคบายาชิยังชี้ให้เห็นว่าแม้ว่าจะรับประทานนอกบ้าน การเลือกอาหารที่ถูกต้องยังสามารถเป็นทางเลือกที่ดีได้ หากรู้สึกไม่สบายท้องจากการทานอาหารหนัก ก็สามารถปรับมื้อถัดไปให้เบาลง โดยการเลือกซุปที่มีผักมากๆ เพื่อช่วยปรับสมดุลในร่างกาย

ข้อมูลอ้างอิง: ESSE