25 มกราคม 2568 เวลา 19:07 น. 69
ตามรายงานล่าสุดจาก SiteMinder เรื่องแนวโน้มการจองโรงแรมในประเทศไทย เผยให้เห็นว่าอัตราค่าเข้าพักเฉลี่ยในประเทศไทยได้ปรับตัวสูงขึ้นจาก 4,648 บาทในปี 2023 เป็น 5,377 บาท โดยในเดือนธันวาคมมีค่าใช้จ่ายที่สูงถึง 6,460 บาทต่อคืน ซึ่งเป็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 11% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่มีมากขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็น 77% ของจำนวนการเข้าพักทั้งหมดในโรงแรมไทย ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่มีอยู่ที่ 48% ข้อมูลนี้ทำให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่สองของโลก รองจากออสเตรียเพียงประเทศเดียวเท่านั้น
การวิเคราะห์เกี่ยวกับการเข้าพักในโรงแรมไทยในปี 2024 แสดงให้เห็นว่า:
- นักท่องเที่ยวที่มาเยือนไทยเริ่มทำการจองล่วงหน้านานขึ้น โดยระยะเวลาที่เฉลี่ยในการจองอยู่ที่ 27 วัน ซึ่งเป็นการบันทึกระยะเวลาที่ยาวที่สุดในเอเชียและใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยปีก่อนหน้านี้ที่ 29 วันในปี 2019
- ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญ โดยมีระยะเวลาเข้าพักเฉลี่ยซึ่งติดอันดับในระดับโลกเป็นอันดับที่ 5 มีการจองที่เกิน 15% ซึ่งเป็นการเข้าพักสามคืนขึ้นไป มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่มีอยู่ที่ 11% โดยประเทศที่มีอัตราสูงกว่าประเทศไทยคือโปรตุเกส (21%) โคลอมเบีย เม็กซิโก และสเปน (18%)
ในส่วนของช่องทางการจองสำหรับโรงแรมในปี 2024 รายงานของ SiteMinder ได้จัดทำรายชื่อช่องทางที่ทำรายได้สูงสุด 12 ช่องทาง ได้แก่:
1. Booking.com
2. Agoda
3. เว็บไซต์โรงแรม (การจองโดยตรง)
4. Expedia Group
5. Trip.com
6. Hotelbeds
7. Tiket.com
8. Goibibo & MakeMyTrip
9. Traveloka
10. WebBeds
11. Klook
12. TBOHolidays
จากข้อมูลที่รายงาน พบว่า Klook ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในฐานะหนึ่งในช่องทางรายได้ที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ซึ่งมีการเติบโตที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจากประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน และฟิลิปปินส์
ในขณะเดียวกัน การทำงานที่เสถียรของ Trip.com ก็ได้ช่วยเสริมสร้างตำแหน่งของตลาดจีนให้เป็นแหล่งนักท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงต้นปี 2024 ที่มีการนำเสนอนโยบายการเดินทางปลอดวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งกระตุ้นให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกลับเข้ามาในอันดับต้นๆ ของรายได้จากช่องทางการจองผ่านเว็บไซต์โรงแรม ซึ่งได้แซงหน้าผู้ให้บริการอย่าง Expedia Group หลังจากที่ได้สูญเสียอันดับในปีที่แล้ว เทรนด์นี้สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งของเว็บไซต์โรงแรมในปีที่ผ่านมา โดยที่ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อการจองสูงถึง 519 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา และยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยจากแพลตฟอร์ม OTA ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 320 ดอลลาร์สหรัฐ
สมรักษ์ พงษ์สุวรรณ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ SiteMinder กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่ทำการจองโดยตรงมักจะเลือกที่พักที่มีราคาสูงและมีระยะเวลาเข้าพักที่นานกว่า พร้อมกับบริการเสริมเพิ่มเติม เขายังชี้ให้เห็นว่าเจ้าของโรงแรมไม่ควรละเลยถึงการใช้แพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม เพราะช่องทางเหล่านี้มีศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้าที่ไม่เหมือนใครและมีความสะดวกในการใช้งาน เหมือนกับที่พวกเขายังคงอยู่ในอันดับที่สูงของรายได้จากการจองโรงแรมในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ยังชี้ให้เห็นว่าการมีประสบการณ์ที่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวในการจองห้องพักเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในกระบวนการชำระเงินที่รวดเร็วและปลอดภัยในช่องทางของบุคคลที่สาม
(แหล่งที่มา: thebangkok insight)