คาดการณ์จีดีพีไทยปี 2025 ยังต่ำสุดในอาเซียนรัมโพสต์

25 มกราคม 2568 เวลา 16:14 น.    724

จากรายงานของสำนักข่าวไทยเฮดไลน์ ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้ International Monetary Fund (IMF) ได้ชี้ให้เห็นว่า ในปี 2025 เศรษฐกิจโลกจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ที่จะมีการเพิ่มมาตรการคุ้มครองการค้า ทำให้เศรษฐกิจหลายประเทศได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ประเทศในกลุ่มอาเซียนจะยังสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากจีน และความต้องการบริโภคภายในประเทศที่สูง โดยคาดว่า GDP ของประเทศในอาเซียนจะเติบโตต่อเนื่องจากระดับปี 2024 ในขณะที่ประเทศไทยคาดว่าจะอยู่ในอันดับท้ายสุดด้วยอัตราการเติบโตที่ 2.4%.

ตามการคาดการจาก IMF การคาดการณ์การเติบโตของ GDP ในกลุ่มอาเซียนสำหรับปี 2025 มีดังนี้:

  • เวียดนาม: 6.8%
  • กัมพูชา: 5.3%
  • อินโดนีเซีย: 5.1%
  • ลาว: 4.2%
  • ไทย: 2.4%

ถึงแม้เศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แต่การคาดการณ์การเติบโตของ GDP ในประเทศไทยสำหรับปี 2025 กลับแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยยังคงเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตช้าที่สุดในภูมิภาค สาเหตุหลักที่ส่งผลให้เกิดสถานการณ์นี้ ได้แก่:

  1. โครงสร้างเศรษฐกิจที่มากเกินไปพึ่งพาการส่งออก

เศรษฐกิจไทยมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลกสูง นั่นจึงทำให้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกอย่างง่าย

  1. การลดลงของการลงทุนจากต่างชาติ

ในช่วงที่เวียดนามและอินโดนีเซียได้รับความนิยมจากต้นทุนการผลิตที่ต่ำมากขึ้น ทำให้มีการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ

  1. ความไม่สามารถปรับตัวของอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นใหม่

ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเช่นเวียดนามและมาเลเซียกำลังเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่เศรษฐกิจไทยยังคงพึ่งพาการท่องเที่ยวและเกษตรกรรม ทำให้ไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้

  1. นโยบายเศรษฐกิจที่ขาดความชัดเจน

ความไม่มั่นคงทางการเมืองในประเทศและการชะลอตัวในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประเทศไทยสูญเสียความน่าสนใจในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

  1. การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะในด้านเทคโนโลยี

ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านกำลังพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อรองรับความต้องการอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ประเทศไทยกลับมีปัญหาในด้านการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะสูงในสาขาต่าง ๆ เช่น หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ และการวิเคราะห์ข้อมูล

โดยสรุป ข้อมูลที่กล่าวมาทำให้เห็นว่า โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงต้องการการปรับเปลี่ยนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งยากที่จะพัฒนาได้ทันตามความท้าทายที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันในตลาดโลก การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และต้นทุนการผลิตในประเทศที่สูงขึ้นในปี 2025 ที่จะถึงนี้.