24 มกราคม 2568 เวลา 11:06 น. 184
ข่าวจากสำนักข่าวไทยเฮดไลน์เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา นายพลเอก ปูตัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของไทย ได้ตอบโต้ข้อกล่าวหาจากสื่อมวลชนของเมียนมาว่าไทยมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของศูนย์โทรศัพท์ผิดกฎหมาย โดยเขาได้เน้นย้ำว่าปัญหาการเกิดอาชญากรรมในเมียนมานั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ประเทศไทย แต่ยังมีประเทศที่ติดกับเมียนมาอื่น ๆ เช่น จีนและอินเดีย ซึ่งรัฐบาลไทยกำลังทำงานร่วมกับประเทศเหล่านี้เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป
นายพลเอก ปูตัน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ชายแดนมีหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการค้ายาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ศูนย์โทรศัพท์ผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์ หากสามารถควบคุมชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดโอกาสที่ปัญหาจะเกิดขึ้นจากฝั่งไทย โดยในเรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทยก็อยู่ระหว่างการหารือกับกองทัพบกไทยเพื่อวางแผนเรื่องการบริหารจัดการชายแดน
ในช่วงที่ผ่านมา เมียนมาได้มีการส่งกลับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับศูนย์โทรศัพท์ผิดกฎหมายประมาณ 50,000 คน โดยมีคนไทยอยู่ในนั้นถึง 600 คน นายพลเอก ปูตัน กล่าวว่ารัฐบาลไทยจะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบความถูกต้องของการเข้าเมืองของคนเหล่านี้ ว่ามีความสัมพันธ์กับการกระทำผิดอื่น ๆ หรือไม่ หากไม่มีปัญหาจะได้รับการปล่อยตัว แต่หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมจะต้องทำการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนต่อไป
สำหรับคำมั่นของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่าจะมีการแก้ไขปัญหาศูนย์โทรศัพท์ผิดกฎหมายภายในปีนี้ นายพลเอก ปูตัน กล่าวว่ารัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว โดยเชื่อว่าแนวทางการปิดกั้นชายแดนในเบื้องต้นและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จะสามารถต้านทานการกระทำผิดประเภทนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังจะยังคงทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานเพื่อเสริมสร้างการบริหารจัดการชายแดนและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการเกิดอาชญากรรมข้ามชาติได้ในระยะยาว
ตามรายงานในวันเดียวกัน เวลา 11.00 น. นายนักจุลรรณ ขมิ้นถาวร หัวหน้าศูนย์ตรวจสอบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประชุมกับนายพล พานา ผู้บัญชาการทหารบกเกี่ยวกับมาตรการในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมรวมถึงผู้บังคับบัญชาของกองทัพและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง
นายนักจุลรรณกล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญกับปัญหาการจัดหางานที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านส่งแรงงานสู่ศูนย์โทรศัพท์ผิดกฎหมายในประเทศที่สาม ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำลายชื่อเสียงของประเทศไทยและก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกจ้าง ดังนั้น จึงมีการตัดสินใจนำเสนอแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกับกองทัพบก ในหัวข้อต่าง ๆ เช่น
1. ปิดทางเข้าชายแดนผิดกฎหมาย: เสริมสร้างการปิดกั้นเส้นทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการเข้าออกผิดกฎหมาย;
2. ตรวจสอบเสาสัญญาณชายแดน: ตรวจสอบเสาสัญญาณโทรคมนาคมในพื้นที่ชายแดนเพื่อขจัดอุปกรณ์ที่ไม่มีใบอนุญาตหรือมีสัญญาณผิดปกติ;
3. เฝ้าระวังพฤติกรรมการถอนเงินที่ผิดปกติ: ให้ความสนใจกับผู้ที่เข้าเมืองผ่านทางธรรมชาติและถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มในไทยแล้วรีบออกนอกประเทศทันที;
4. การบังคับใช้กฎหมายพิเศษ: พิจารณาใช้กฎหมายเฉพาะในพื้นที่สำคัญเพื่อเสริมสร้างการบริหารจัดการ
นอกจากนี้ ในการประชุมยังได้กำหนดให้มีการใช้กลไกการจัดการพิเศษที่ชายแดนไทย-เมียนมา ในพื้นที่จังหวัดตาก 5 อำเภอ (รวมถึงอำเภอแม่สอด) เพื่อดำเนินการตามมาตรการสำคัญดังนี้:
1. เสริมความเข้มงวดในการคัดกรองผู้เข้าประเทศผ่านทางถนนและสนามบินในอำเภอแม่สอด ให้ปฏิเสธการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวที่ไม่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน และตรวจสอบยานพาหนะที่เข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย;
2. เพิ่มจุดตรวจร่วม เพื่อควบคุมการจราจรที่จะเข้าพื้นที่ชายแดนอย่างเข้มงวด;
3. ตรวจสอบการเข้าพักในโรงแรมให้ครอบคลุม เพื่อให้มั่นใจว่ามีกฎหมายการเข้าเมืองที่ถูกต้องถูกนำมาใช้;
4. ตั้งจุดตรวจตลอด 24 ชั่วโมงบนถนนสายหลักและสายรอง เพื่อป้องกันการกระทำผิดชายแดนที่ผิดกฎหมาย.
(แหล่งที่มา: ch7, tnnthailand)