23 มกราคม 2568 เวลา 09:24 น. 688
ตามรายงานของสำนักข่าวไทยเฮดไลน์ มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่น การหลอกลวงทางโทรศัพท์ การท่องเที่ยวแบบ "ราคาศูนย์" และปัญหาด้านอุตสาหกรรมสีเทาที่มาจากจีน แม้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่ได้เกิดขึ้นจากฝีมือของคนไทย แต่มันส่งผลโดยตรงต่อความกังวลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยเฉพาะปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งได้สร้างผลกระทบที่ชัดเจนต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย และปัญหานี้ยังได้ขยายวงไปยังฮ่องกงและไต้หวันด้วย
นายตาเพนนี ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) เปิดเผยว่า ในปี 2024 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนประมาณ 7.3 ล้านคนเดินทางมาที่ไทย และในปี 2025 สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้าจะมีนักท่องเที่ยวถึง 8 ล้านคน อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่เสนอโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังคาดว่าจะสูงกว่านี้ โดยมีการประมาณการว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นระหว่าง 8.8 ล้านถึง 9 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 6.73 ล้านคนในปี 2023
ทว่าล่าสุด มีการเปิดเผยเกี่ยวกับกรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ถูกหลอกลวงไปทำงานในประเทศเมียนมาที่มีชื่อเสียง เช่น กรณีของนักแสดงจีนอย่างหวังซิง ทำให้บางเที่ยวบินเช่าของจีนถูกยกเลิกไป โดยมีการคาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ไทยสูญเสียนักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณ 10,000 คน ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระดับหนึ่ง
โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเมืองระดับสองของจีน ที่มักจะเป็นกลุ่มที่มีความกังวลสูง เนื่องจากข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้องในโซเชียลมีเดียของจีน ส่งผลให้พวกเขามีความรู้สึกว่าไทยไม่ปลอดภัย ซึ่งทำให้การตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวของพวกเขาได้รับผลกระทบจำนวนมาก
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เคยเดินทางมาไทยส่วนใหญ่มีข้อมูลที่ดีกว่าเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวที่แท้จริง ทำให้พวกเขายังไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในไทย แม้จำนวนนี้จะเริ่มมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การสร้างภาพลักษณ์เชิงลบผ่านโซเชียลมีเดียยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญที่ต้องติดตามและแก้ไข โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการร่วมมือกันเช่น สำนักงานตำรวจท่องเที่ยวไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยกระดับมาตรการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลจริงให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาได้รับข่าวสารด้านความปลอดภัยที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือระหว่างสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและสมาคมการท่องเที่ยวไทยในการจัดตั้ง "ศูนย์บัญชาการในภาวะวิกฤติ" (War Room) เพื่อประเมินสถานการณ์และจัดการกับข่าวลือ ข่าวปลอม และภาพลักษณ์เชิงลบในโลกออนไลน์ โดยศูนย์นี้จะทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชนเพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ของไทยในระดับนานาชาติ
ในเรื่องการยกเลิกนโยบายการเข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยนายตาเพนนี ได้แสดงความเห็นว่าการยกเลิกนโยบายดังกล่าวไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากนโยบายนี้มีความสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งสนับสนุนการเปิดเส้นทางบินจากเมืองระดับสองของจีนไปยังไทย เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายที่ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 8 ล้านคนในปี 2025 โดยเฉพาะเมื่อนำเสนอว่าเป้าหมายนี้มีการเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% จากปีที่แล้ว นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 8.8 ถึง 9 ล้านนักท่องเที่ยวจากจีน พร้อมทั้งยืนยันไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกนโยบายวีซ่า
นายเต๋น ประธานสมาคมโรงแรมไทยกล่าวว่า กรณีการหายตัวไปของนักแสดงจีนหวังซิง ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับความปลอดภัยในการท่องเที่ยวในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา มีการยกเลิกการจองห้องพักในโรงแรมจำนวน 12,428 ห้อง ซึ่งรวมถึง 4,572 ห้องจากนักท่องเที่ยวชาวจีน และ 7,856 ห้องจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือกรุงเทพฯ ตามด้วยนนทบุรี เชียงราย ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี ตาก และขอนแก่น
นายเต๋นได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ โดยควรมีการเสริมสร้างการป้องกันทั้งการเข้าเมืองทางบกและทางอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกต่อไป และไม่ควรเพียงแค่ทำการติดตามและแก้ไขเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วเท่านั้น
(แหล่งที่มา: thaipost)