11 มกราคม 2568 เวลา 13:55 น. 1015
ตามรายงานจากสำนักข่าวไทย พบว่าในปี 2025 สถิติความมีอิทธิพลของพาสปอร์ตเผยแพร่โดยดัชนีพาสปอร์ตของเฮนลีย์ (Henley Passport Index) ซึ่งได้มีการจัดอันดับพาสปอร์ตที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก โดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เพื่อประเมินจำนวนประเทศที่สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า โดยในปีนี้ พาสปอร์ตของสิงคโปร์สามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้อีกครั้ง และกลายเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีความโดดเด่นเช่นนี้
สิงคโปร์สามารถรักษาอันดับหนึ่งในดัชนีพาสปอร์ตที่มีอิทธิพลมากที่สุดได้ติดต่อกันเป็นปีที่สาม โดยผู้ถือพาสปอร์ตสิงคโปร์ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าในการเดินทางไปยัง 195 ประเทศและภูมิภาคต่างๆ ตามด้วยญี่ปุ่นที่อยู่ในอันดับสอง ซึ่งผู้ถือพาสปอร์ตญี่ปุ่นสามารถเข้าถึงได้ 193 ประเทศและภูมิภาค ขณะที่ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และเกาหลีใต้ อยู่ในอันดับที่สาม โดยพาสปอร์ตของแต่ละประเทศสามารถเดินทางไปยัง 192 ประเทศได้ สำหรับไทยนั้นยังคงอยู่ที่อันดับ 61 โดยผู้ถือพาสปอร์ตของไทยสามารถเข้าถึงได้ 82 ประเทศและภูมิภาค แม้ว่าจะแสดงให้เห็นถึงการคงที่ในจำนวนประเทศ แต่การจัดอันดับไม่ดีขึ้น
ในปีนี้ จีนมีการจัดอันดับที่ดีขึ้นจากอันดับ 62 เมื่อปีที่แล้วกระโดดขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 60 โดยแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่กำลังแน่นแฟ้นขึ้น ปัจจุบันจีนสามารถเข้าถึง 58 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว
ในอดีต สหรัฐอเมริกามักจะติดอันดับสูงในดัชนีพาสปอร์ต แต่ว่าตอนนี้ตำแหน่งลดลงมาอยู่ที่อันดับ 9 ซึ่งลดลงไป 7 อันดับเมื่อเปรียบเทียบกับอันดับก่อนหน้านี้ อาจเป็นผลจากเหตุการณ์ทางการเมืองหลายเหตุการณ์ที่มีความซับซ้อนสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ในทางกลับกัน อัฟกานิสถานกลับมามีอันดับต่ำที่สุด โดยอยู่ที่อันดับ 106 ผู้ถือพาสปอร์ตของอัฟกานิสถานสามารถเข้าสู่ได้เพียง 26 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชีย เช่น กัมพูชา มัลดีฟส์ ดิฌิปูตี ศรีลังกา และเฮติ
ดัชนีพาสปอร์ตของเฮนลีย์แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างพาสปอร์ตที่มีอิทธิพลมากที่สุดกับพาสปอร์ตที่ถูกจำกัดอย่างมาก ความแตกต่างนี้มีแนวโน้มที่จะชัดเจนขึ้นในอนาคต
อันดับ 10 พาสปอร์ตที่มีอิทธิพลมากที่สุดในปี 2025 ได้แก่:
1. สิงคโปร์ (195 ประเทศและภูมิภาค)
2. ญี่ปุ่น (193 ประเทศและภูมิภาค)
3. ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, เกาหลีใต้ (192 ประเทศและภูมิภาค)
4. ออสเตรีย, เดนมาร์ก, ไอร์แลนด์, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน (191 ประเทศและภูมิภาค)
5. เบลเยียม, นิวซีแลนด์, โปรตุเกส, สวิตเซอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร (190 ประเทศและภูมิภาค)
6. ออสเตรเลีย, กรีซ (189 ประเทศและภูมิภาค)
7. แคนาดา, มอลตา, โปแลนด์ (188 ประเทศและภูมิภาค)
8. สาธารณรัฐเช็ก, ฮังการี (187 ประเทศและภูมิภาค)
9. สหรัฐอเมริกา, เอสโทเนีย (186 ประเทศและภูมิภาค)
10. ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, สโลวีเนีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (185 ประเทศและภูมิภาค)
(แหล่งที่มา: bangkokbiznews)