10 มกราคม 2568 เวลา 15:41 น. 187
เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ตำรวจในเขตดุสิต กรุงแบงก์กอก ได้รับรายงานเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอล โดยมีเหยื่อเป็นคนจีนถึงสองราย ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นตัวแทนที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางในการซื้อขาย โดยมีข้อมูลว่าเขาได้หลบหนีพร้อมเงินจำนวนมหาศาล ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายมีผู้ได้รับบาดเจ็บถึงสามคน ในขณะเดียวกัน ตำรวจในเขตมักกะสันก็ได้รับแจ้งเรื่องคล้ายคลึงกัน โดยสรุปแล้วความเสียหายรวมในสามคดีนี้สูงถึง 17.2 ล้านบาท
หัวหน้าตำรวจในเขตดุสิตได้แจ้งว่า จากคดีที่ได้รับรายงานทั้งสองคดีนั้น ตำรวจสามารถกู้เงินได้ทั้งหมด 13 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีที่รอการตรวจสอบเพื่อใช้เป็นหลักฐานและจะถูกคืนให้กับผู้เสียหายในอนาคต หลังจากการสอบสวนเสร็จสิ้น ชั้นเชิง เกี่ยวกับคดีดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่บุคคลหนึ่งที่ชื่อว่า Chen ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนกลางในธุรกรรมการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอล ก่อนหน้านี้เขาถูกเชื่อถือจากทั้งสองฝ่ายว่าช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น โดยมีอัตราราคาที่ต่ำกว่าตลาด少 แต่เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น จำนวนเงินก็ขยายจากการทำธุรกรรมที่เริ่มต้นด้วยไม่กี่แสนบาทจนกลายเป็นใหญ่โต จนกระทั่งวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมาซึ่งผู้ซื้อได้โอนเงินเข้าบัญชีของ Chen แต่สุดท้ายเขาไม่สามารถส่งมอบสกุลเงินดิจิตอลได้ ส่งผลให้เกิดข้อพิพาทที่รุนแรง รวมถึงการเผชิญหน้าที่รุนแรงทางกายภาพระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ขณะที่เงินตกอยู่ในมือของ Chen อย่างไม่เป็นธรรม
จากการสอบสวนที่เข้มงวดของตำรวจไทย พบว่า Chen ได้ออกจากประเทศไทยไปยังมาเก๊าในวันที่ 8 มกราคม ซึ่งตำรวจสงสัยว่าอาจจะมีแก๊งขโมยซ่อนตัวอยู่ในมาเก๊า
ในขณะเดียวกัน ตำรวจในเขตมักกะสันได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มีการฉ้อโกงในลักษณะเดียวกัน ซึ่งมีการสูญเสียเงินถึง 4.5 ล้านบาท การสอบสวนเบื้องต้นพบว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นมีลักษณะเดียวกันกับคดีในเขตดุสิต แต่บุคคลที่เป็นโจรกรรมในคดีนี้นั้นไม่ใช่ Chen แต่อย่างใด ขณะนี้ตำรวจได้ทำการยึดรถยนต์โตโยต้า ที่โจรกรรมใช้ในการก่อเหตุไว้เพื่อดำเนินการสอบสวนต่อไป นอกจากนี้ตำรวจมีแผนที่จะเรียกเจ้าของสำนักงานที่เคยให้ Chen เช่าจากยานนาวาเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดี
ข้อมูลเบื้องหลังของคดีนี้น่าสนใจที่มีการพูดถึงอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิตอลซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย รวมถึงการขาดการควบคุมที่ชัดเจนซึ่งอาจเปิดโอกาสให้การฉ้อโกงเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่ที่อาจไม่มีความรู้เพียงพอในการระบุสัญญาณของการหลอกลวง
(แหล่งข่าว: ch7hd_news)