08 มกราคม 2568 เวลา 15:47 น. 174
ตามรายงานจากสำนักข่าวไทย พาณิชย์ต่างประเทศของประเทศไทยได้รับข้อมูลว่าในวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา นายอาราดา ผู้อำนวยการพาณิชย์ต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการขยายตลาดส่งออกมันสำปะหลังของไทย โดยมีการจัดส่งคณะตัวแทนซึ่งรวมถึงภาครัฐและภาคเอกชนไปยังประเทศจีน ณ เมืองเซี่ยงไฮ้และเฉิงตูในระหว่างวันที่ 5-9 มกราคมตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิเชฐ เพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และพบปะธุรกิจระหว่างประเทศ ในกิจกรรมนี้บริษัทจากทั้งสองประเทศได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือการค้า มูลค่าการซื้อขายรวมถึง 440,000 ตัน และมีมูลค่าประมาณ 53,149.5 ล้านบาทไทย
นอกจากการลงนามบันทึกความเข้าใจสำหรับความร่วมมือด้านการค้าแล้ว การสนทนาธุรกิจระหว่างอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องยังประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีบริษัทจีนเข้าร่วมจำนวน 51 แห่ง ซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพทั้งแบบดั้งเดิมและใหม่ เช่น อุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ กาว และกระดาษ หนึ่งในบริษัทที่มีความสำคัญอย่างมากคือกลุ่มนิวฮอป ที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน โดยมีทุนจดทะเบียนสูงถึง 34 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐก็ได้เข้าร่วมในงานโปรโมตที่จัดขึ้นในเฉิงตูด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจีนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเพิ่มการใช้มันสำปะหลังของไทยในอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ รวมถึงการส่งเสริมการค้าและความร่วมมือในระยะยาวในด้านการผลิตอาหารสัตว์ ที่มีการมองเห็นศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในอดีต มันสำปะหลังของไทยได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติในเรื่องคุณภาพที่โดดเด่น อีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงกว่าพืชอื่น ๆ เช่น ข้าวโพด นี่คือเหตุผลที่ทำให้มันสำปะหลังของไทยกลายเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์
นายอาราดา กล่าวเพิ่มเติมว่า มูลค่าการค้าประมาณ 53,149.5 ล้านบาทในครั้งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยการสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานพาณิชย์ต่างประเทศ ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาและปฏิรูปอุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทยอย่างมีแนวทางที่ชัดเจนและตรงตามความต้องการของตลาด ในขณะเดียวกัน การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัทไทยและจีนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับชาวสวนมันสำปะหลังและผู้ส่งออกว่า สินค้าของพวกเขาสามารถเข้าสู่ตลาดที่มีศักยภาพสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มพูนประสิทธิภาพการผลิตและรายได้ของพวกเขาในอนาคต
(แหล่งที่มา: matichon)