ข่าวจากสำนักข่าวไทยเฮดไลน์รายงานว่า มีการจัดการแข่งขันประกวดปั้นน้ำแข็งนักศึกษานานาชาติครั้งที่ 17 ประจำปี 2025 โดยกระทรวงการศึกษาของจีนเป็นผู้สนับสนุนหลัก และมหาวิทยาลัยวิศวกรรมฮาร์บินในประเทศจีนเป็นเจ้าภาพ ภายในระหว่างวันที่ 4 ถึง 7 มกราคม ที่มหาวิทยาลัยวิศวกรรมฮาร์บิน ในการแข่งขันปีนี้มีทีมเข้าร่วมจาก 9 ประเทศ รวมถึงจีน, อิตาลี, เยอรมนี, รัสเซีย, มาเลเซีย, ไทย, โปรตุเกส และอีกหลายประเทศ

หลังจากการเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเข้มข้น ทีมจากสถาบันการอาชีวศึกษาสาววพร ทีมจากโรงเรียนการอาชีพเบ็ลชอ และทีมจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทีมสาววพร และทีมเบ็ลชอได้รับรางวัลชนะเลิศในครั้งนี้ ขณะที่ทีมสุราษฎร์ธานีได้รับรางวัลรองชนะเลิศ

ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ทีมจากสถาบันสาววพรได้เสนอผลงานชื่อว่า “สายสัมพันธ์ของผู้พิทักษ์สองประเทศ” ซึ่งสื่อถึงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมที่ยาวนานระหว่างไทยและจีน โดยที่ผลงานได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ของการแลกเปลี่ยนศิลปะและเทคโนโลยีของทั้งสองประเทศ ผลงานนี้มีลักษณะเชิงสัญลักษณ์ เป็นการแสดงถึงความสามัคคีและความเคารพระหว่างกัน โดยมีองค์ประกอบของวัฒนธรรมที่ซ้อนทับกัน เช่น ยักษ์จากไทยและสิงโตจากจีน ซึ่งได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการปกป้องบ้านเรือนและสถานที่สำคัญต่างๆ

ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอีกชิ้นจากทีมโรงเรียนการอาชีพเบ็ลชอ ชื่อว่า “มวยไทย” ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังและความงดงามของศิลปะการต่อสู้ไทย ที่ทำให้งานนี้เป็นการสื่อสารถึงจิตวิญญาณของนักสู้ พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งซึ่งอยู่รวมกับความอ่อนน้อมในศิลปะการต่อสู้ แถมยังมีการผสมผสานกับภาพจำของช้าง สัญลักษณ์ประจำชาติไทย ที่มีความหมายถึงความเข้มแข็งและความทรงพลัง ที่มีความสัมพันธ์ยาวนานกับคนไทย

สำหรับรางวัลรองชนะเลิศ ทีมจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี ได้เสนอผลงานชื่อ “มิตรภาพสองประเทศ เชื่อมโยงใจ” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างไทยและจีนในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา ชาวจีนที่เข้ามาในไทยได้สร้างการพัฒนาเกษตรกรรมและการค้า ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม กับความนิยมในการเต้นรำตามประเพณีต่างๆ เช่น การแสดงโล้ชัก ซึ่งได้รับความสนใจจาก คนไทยในช่วงเทศกาลงานสำคัญ ผลงานดังกล่าวนำเสนอการแสดงของการเต้นโล้ชักในรูปปั้น ที่ทำให้เห็นถึงความงดงามและพลัง ซึ่งเป็นตัวแทนของความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมระหว่างประชาชนสองชาติ

การประกวดนี้ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงความสามารถทางศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศผ่านศิลปะ ซึ่งมีความสำคัญต่อการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะทางวัฒนธรรมในระดับสากล โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนต้องการเข้าใจและเรียนรู้จากกันและกันเพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นสำหรับทุกชาติ

(แหล่งที่มา: bangkokbiznews)