ข่าวจากสำนักข่าวไทยเฮดไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ว่าล่าสุดมีการพูดถึงการกลับมาของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง Yingluck Shinawatra ซึ่งอาจส่งผลต่อการเมืองไทยอย่างมาก ด้วยความเป็นไปได้ที่ว่า การกลับมาครั้งนี้จะกระตุ้นให้เกิดการประท้วงจากประชาชน โดยเฉพาะในกรณีของ MOU 2544 ซึ่งเป็นบันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชาเกี่ยวกับการอ้างสิทธิในภูมิภาคที่มีพรมแดนทับซ้อนกัน การเมืองไทยอาจเผชิญกับความตึงเครียดมากขึ้นในปี 2025

เมื่อไม่นานมานี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ พร้อมกับแสดงความเห็นว่าตนไม่เชื่อว่าการเมืองจะถึงจุดที่เกิดความวุ่นวายหรืออันตรายอย่างรุนแรง โดยยืนยันว่าหลาย ๆ เรื่องในปัจจุบันยังอยู่ในขั้นสมมุติ เขาไม่รู้สึกกังวล และเชื่อว่าความเข้าใจและการสื่อสารจะสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้

เกี่ยวกับข่าวการกลับบ้านของอิงลักษณ์และการตรวจสอบทางกฎหมายที่เธออาจเผชิญ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า เธอเช่นเดียวกับคนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ ต้องการกลับบ้าน เพราะไม่มีอะไรมีความสุขไปกว่าบ้านเกิดและครอบครัว อย่างไรก็ตาม การกลับมาจะต้องอยู่ภายใต้กระบวนการทางการญาและกฎหมายที่ชัดเจน หากมีการกล่าวหาหรือข้อกล่าวหาใด ๆ จะต้องมีการชี้แจงก่อน

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่คาดคิดหรือการยุบสภา พล.อ. ประยุทธ์ตอบว่า ทุกสิ่งที่เขาพูดนั้นอิงตามกลไกของรัฐหวังว่าจะเห็นระบบที่มีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในฐานะตัวแทนของระบบ เขารับปากว่าจะปฏิบัติตามขั้นตอนและระเบียบอย่างเคร่งครัด และเชื่อมั่นในความยุติธรรมของกระบวนการกฎหมาย

เขายังกล่าวเติมว่า หากรัฐบาลสามารถดำเนินงานไปในทิศทางที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจระบบและประชาธิปไตยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใครที่อยู่ในอำนาจ การพัฒนาประชาธิปไตยควรจะไม่ถูกหยุดชะงัก แต่กลับควรมีการพัฒนาต่อไป

นอกจากนี้ พล.อ. ประยุทธ์ยังได้พูดถึงคำพูดของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ว่าหากมีการยุบสภา จะทำภายใน 3-4 วันก่อนที่สมัยตำแหน่งจะสิ้นสุด ซึ่งเขายืนยันว่าไม่จำเป็นต้องยุบสภาและรัฐบาลชุดนี้ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด

(แปลโดย: Hu Qichun, Four Point Zero Translation Workshop; ตรวจสอบ: Juliette; แหล่งข่าว: thestandard)