07 มกราคม 2568 เวลา 18:14 น. 672
เมื่อวันที่ 7 มกราคม ข่าวการค้นพบตัวของนักแสดงชาวจีน “หวังซิง” ได้สร้างความสนใจให้กับสาธารณชนมากขึ้น เนื่องจากได้มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์การหายตัวไปของเขาในประเทศไทย ก่อนหน้านี้หวังซิงถูกหลอกลวงโดยนักแสดงและผู้จัดการจากประเทศจีน ที่อ้างว่าได้รับเชิญให้เข้าร่วมการถ่ายทำภาพยนตร์ใหม่ในประเทศไทย แต่เขากลับถูกนำตัวไปยังชายแดนไทย-เมียนมาร์และสูญหายไป รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่าตำรวจไทยได้เดินทางไปยังอำเภอแม่สอดเพื่อประสานงานกับทางการเมียนมาร์เตรียมส่งตัวหวังซิงกลับสู่ประเทศไทย
เบื้องหลังเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา เมื่อหวังซิงเดินทางจากสนามบินนานาชาติภูมิภาคผู่ตงในเซี่ยงไฮ้และมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิในกรุงเทพฯ ตามรายงานจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทย เขาถึงไทยประมาณตี 3 โดยมีบันทึกการเข้ารับบริการที่จุดผ่านแดน แต่เขาไม่ได้แจ้งข้อมูลที่พักที่ชัดเจน ข้อมูลนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับวิธีการที่เขาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาไม่นานหลังจากนั้น เขาถูกพาขึ้นรถที่มีการเปลี่ยนรถตลอดการเดินทาง จนกระทั่งการติดตามของเขาหยุดลงที่อำเภอแม่สอด
วันที่ 6 มกราคม แฟนสาวของหวังซิงได้เดินทางไปที่กรุงเทพฯ เพื่อแจ้งความ โดยได้รับการสนับสนุนจากสถานทูตจีนในประเทศไทย โดยสถานทูตจีนได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานไทยเพื่อเริ่มการค้นหาอย่างรวดเร็ว ข้อมูลเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าหวังซิงอยู่ที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์ ในช่วงเย็นมีรายงานจากสื่อไทยว่าเขาได้รับการค้นพบแล้ว แต่ต้องการการพิสูจน์กับสถานการณ์ของเขาในฝั่งเมียนมาร์ แม้ว่าจะมีรายงานว่าเขายังไม่ได้รับอันตราย แต่เหตุการณ์นี้ยังก่อให้เกิดความกังวลอย่างกว้างขวางในสังคม
ในวันที่ 7 มกราคม ตำรวจไทยรายงานว่าหวังซิงได้รับการค้นพบในเมียนมาร์และนำทีมไปยังแม่น้ำแม่สอดเพื่อประสานงาน ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงวัน ผู้แทนจากตำรวจมั่นคงและหน่วยงานอื่น ๆ ได้ประกาศว่าตำรวจได้จับกุมคนขับรถที่รับหวังซิงที่สนามบิน ในการสอบถามนั้นไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานเกี่ยวกับการบังคับหรือลักพาตัวเกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่มีการส่งเขาไปยังอำเภอแม่สอด ถูกกล่าวถึงว่ามีคนที่จะมารับตัวเขาจากชายแดน
นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์การหายตัวไปของหวังซิง โดยได้กล่าวว่ารัฐบาลไทยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและมีการสื่อสารกับสถานทูตจีนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย และอาจเชื่อมโยงกับปัญหาด้านความปลอดภัยข้ามชาติ เช่น การกระทำผิดกฎหมายและการใช้สื่อสังคมอย่างไม่เหมาะสม รัฐบาลไทยจึงมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับประเทศจีนและเพื่อนบ้านอื่น ๆ เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย
นอกจากนี้ เมื่อมีกระแสเรียกร้องจากพรรคฝ่ายค้านถึงมาตรการใด ๆ ที่จะให้มีการจำกัดการเข้าเมืองของนักท่องเที่ยวจากจีน นายกรัฐมนตรีได้ตอบว่า เรื่องนี้จะต้องมีการศึกษาเรื่องความเป็นไปได้ ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการเข้ามาของนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ปัญหาที่เกิดจากการฉ้อโกง เช่น การโทรศัพท์หลอกลวงก็เป็นสิ่งที่ต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง เขาได้เน้นว่าการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศต้องดำเนินต่อไป พร้อมทั้งเปิดรับและพิจารณาคำแนะนำที่เหมาะสมจากทุกภาคส่วน
(แหล่งข่าว: thestandardth, ch7hd_news)