ในช่วงเวลาที่ผ่านมา นายณัฐมน ปัทมะ หัวหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของประเทศไทย ได้มีการหารือกับ ดร.เอวอน มาเรีย ปีนโต ผู้อำนวยการขององค์กรวิจัยข้าวนานาชาติ (International Rice Research Institute หรือ IRRI) พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงเกษตรฯ เช่น นายชาตรี นนท์ประเสริฐ รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ และนายเกียรติ ศิริพงษ์ รองหัวหน้าฝ่ายวิจัยข้าว ร่วมการประชุมเพื่อหารือแนวทางการพัฒนาข้าวในประเทศไทย

นายณัฐมน ได้กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ เป็นสมาชิกของ IRRI ซึ่งได้มีความร่วมมือกับประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งขององค์กรในปี 1960 โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เกี่ยวกับความร่วมมือทางการเกษตรเมื่อปี 1997 การร่วมมือดังกล่าวเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีและวิจัยที่เกี่ยวข้องกับข้าวซึ่งเป็นพืชหลักของประเทศไทย

นายณัฐมนยังได้ระบุว่า "ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการวางแผนและพัฒนานโยบายร่วมกับ IRRI และพันธมิตรอื่น ๆ ในการวิจัยและการพัฒนาข้าว ส่งผลให้เกษตรกรและเจ้าหน้าที่รัฐสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่มีค่าซึ่งช่วยเสริมสร้างความสามารถในตลาดส่งออกข้าว และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ" ดังนั้นความร่วมมือเหล่านี้ทำให้ผลงานวิจัยเกี่ยวกับข้าวไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล

นอกจากนี้ นายณัฐมน ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการปลูกข้าว ในปัจจุบัน ภาคเกษตรกรรมมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 57 ล้านตัน โดยที่การปลูกข้าวalone มีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซสูงถึง 29 ล้านตัน หรือ 51% ของการปล่อยทั้งหมด เพื่อสนับสนุนเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายใต้แผน NDC ของประเทศไทยให้ได้ราว 40% ภายในปี 2030 และการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเป็นศูนย์ภายในปี 2050

ยังมีการหารือถึงการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและการจัดการทางการเกษตร นอกจากนี้ IRRI ยังได้พัฒนาแผนการลดก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานเพื่อต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้มีความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

ในโอกาสนี้ IRRI ได้เชิญให้ นายณัฐมน เข้าร่วมงานฉลองครบรอบ 65 ปีขององค์กรที่จะจัดขึ้นในปี 2025 ที่สำนักงานใหญ่ของ IRRI พร้อมกันนี้ยังมีการวางแผนที่จะเชิญผู้นำจากหลายประเทศเข้าร่วมงาน เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการวิจัยข้าวในระดับสากลอีกด้วย