กระแสแรง! คนจีนแห่สมัครเรียนหลักสูตรอาสาสมัครตำรวจในไทย รับประกาศนียบัตรตำรวจเมื่อเรียนจบ

04 มกราคม 2568 เวลา 12:40 น.    811

สำนักข่าวไทยเฮดไลน์รายงานเกี่ยวกับข่าวที่แพร่กระจายในสื่อสังคมว่า “สำนักตร. เมืองหลวงกรุงเทพฯ จัดเก็บเงินจากชาวจีนรายละ 38,000 บาท สำหรับอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสา” โดยทางตำรวจได้ชี้แจงว่า โครงการอบรมนี้จัดโดยมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งและตำรวจมีส่วนร่วมในฐานะอาจารย์ผู้สอนเท่านั้น

พลตำรวจตรีนภาษิน กุณฑะสิงห์ รองผู้อำนวยการสำนักตำรวจกรุงเทพมหานครและโฆษกประจำสำนักกล่าวว่า ผู้บังคับบัญชามีความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้อย่างมาก และได้มีคำสั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดเบื้องต้นพบว่า มหาวิทยาลัยสยามเคยเผยแพร่ประกาศเกี่ยวกับการจัดการอบรม “ความรู้ในการแจ้งความและการป้องกันตัวเอง” สำหรับนักเรียนชาวต่างชาติ โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นผู้รับผิดชอบทั้งการจัดการและงบประมาณ ในขณะที่สำนักตำรวจที่ 3 ได้รับเชิญให้มีส่วนร่วมในการให้ความรู้เฉพาะด้าน

จากการสอบสวนพบว่า มหาวิทยาลัยสยามได้ออกเอกสารเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2024 (เลขที่ 13DECC2567CHI1ac1) โดยมีดร. LI ZHANG รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศเป็นผู้ลงนาม เพื่อขออนุมัติการจัดอบรมสำหรับนักเรียนต่างชาติจำนวน 30 คน พร้อมเชิญตำรวจไปเป็นวิทยากรพิเศษ เอกสารชี้ให้เห็นว่านายด่านหัวหน้ากองวิจัยสำนักตำรวจที่ 3 เป็นหนึ่งในผู้ประสานงานของโครงการ และมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนอบรม ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องและความชอบธรรมของเอกสารดังกล่าว

พลตำรวจตรีนภาษินยังได้เผยเพิ่มเติมว่า ผู้บังคับบัญชาของสำนักตำรวจกรุงเทพมหานครที่ 3 ได้ออกคำสั่งหมายเลข 1/2568 เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2025 เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิเศษ โดยมีพันตำรวจเอกสุทธิสาข์ รองผู้อำนวยการสำนักตำรวจกรุงเทพมหานครที่ 3 เป็นประธาน หากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์ผิดวินัย จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ตามรายงานจากช่อง 7 ไทย ได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอของชายชาวจีนบน TikTok ที่สร้างความสนใจอย่างมากในสื่อสังคม วีดีโอดังกล่าวมีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับคอร์สอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสา โดยชายดังกล่าวกล่าวว่า “คุณรู้ไหมว่าตำรวจจะแก้ไขความผิดทางอาญาในไทยอย่างไร? ตำรวจจากกรมสอบสวนกลางจะเปิดรับสมัครเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสา โดยสามารถลงทะเบียนได้ในเดือนกุมภาพันธ์ พร้อมทั้งได้รับใบอนุญาตตำรวจและเอกสารอื่นๆ”

พลตำรวจตรี จิติกุล แจ้งว่า ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงจดหมายเชิญจากมหาวิทยาลัยสยาม โดยจดหมายดังกล่าวระบุว่ามหาวิทยาลัยได้เชิญตำรวจให้ส่งวิทยากรพิเศษไปสอนนักเรียนต่างชาติ โดยตำรวจได้ส่งรองผู้อำนวยการไปเข้าร่วมการอบรมในวันหนึ่ง แต่ไม่ทราบรายละเอียดเพิ่มเติม

เมื่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายการอบรม 38,000 บาทต่อคน พลตำรวจตรี จิติกุล กล่าวว่า เขาเพิ่งทราบเรื่องดังกล่าวผ่านรายงานข่าว ตามเนื้อหาที่อยู่ในจดหมายเชิญของมหาวิทยาลัย เห็นได้ชัดว่าโครงการนี้ได้ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัย ไม่ใช่ตำรวจ และตามระเบียบของกรมตำรวจ หากจะจัดการอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสา ต้องมีการกำหนดเงื่อนไขที่เข้มงวด เช่น ผู้สมัครจะต้องมีสัญชาติไทย นอกจากนี้ รูปแบบเอกสารของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการแสดงในวีดีโอยังมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากนั้น

พลตำรวจตรี จิติกุล ยังได้ชี้แจงว่า เอกสารระบุตำรวจที่กล่าวถึงในข่าวนั้นไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย ซึ่งชัดเจนว่าเป็นโครงการที่ได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานอื่น ไม่ใช่โครงการที่ตำรวจเป็นผู้ให้การสนับสนุน ขณะนี้ความเป็นจริงที่ตำรวจทราบคือ ตำรวจถูกเชิญให้ไปเป็นวิทยากรเพียงเท่านั้น

ในการตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับโครงการ “การอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสาชาวจีน” พลตำรวจตรี จิติกุล ได้เปิดเผยว่า ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และได้ขอให้เสนอผลการสอบสวนภายใน 3 วัน โดยเขาได้อ้างถึงภาพที่เผยแพร่ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมใส่ชุดยูนิฟอร์มและได้รับหนังสือรับรอง ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลนี้ต่อไป

เขายังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าตำรวจที่ไปอบรมมีความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาของการอบรมและการออกหนังสือรับรองอย่างไร รวมถึงต้องตรวจสอบข้อมูลที่โครงการลงประชาสัมพันธ์ว่าสอดคล้องกับความจริงหรือไม่ หากในวีดีโอระบุว่าผู้เข้าร่วมถูกเรียกว่า “ตำรวจอาสา” อาจมีความผิดฐานหลอกลวง เนื่องจากเอกสารที่เกี่ยวข้องไม่มีความเป็นกฎหมาย โดยตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ที่ต้องการทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่บังคับใช้ต้องผ่านการอบรมและการอนุมัติอย่างเป็นทางการ ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดเพื่อยืนยันว่ามีการกระทำผิดหรือไม่

ท้ายที่สุด สำนักตำรวจกรุงเทพมหานครได้ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์นี้อย่างมาก โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับชาวจีนที่อาจถูกหลอกลวงหรือแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการแบบนี้ พลตำรวจตรี จิติกุล กล่าวว่า การสืบสวนจะมุ่งไปที่การตรวจสอบว่ามีการโฆษณาเกินจริงหรือการกระทำที่เป็นการฉ้อโกงหรือไม่ โดยหากมีบุคคลชาวจีนที่รับผิดชอบในการโฆษณา ซึ่งหากเนื้อหาที่ตนสัญญาไม่สามารถทำได้และได้มีการเก็บค่าธรรมเนียม ผู้ที่เกี่ยวข้องอาจถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ส่วนผู้ที่ถูกอบรมจะถือว่าเป็นผู้เสียหาย ขณะนี้ตำรวจยังเช็กว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องหรือทราบถึงโครงการนี้หรือไม่